ราคาน้ำมันขยับลงในวันพุธ (8 มี.ค.) ยังอยู่ภายใต้ความกังวลสหรัฐฯ ปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกกว่าเดิม ซึ่งอาจบั่นทอนอุปสงค์ทางพลังงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ปัจจัยนี้ฉุดทองคำแกว่งตัวลง ขณะที่วอลล์สตรีทปิดในกรอบแคบๆ จับตาข้อมูลเศรษฐกิจต่างๆ ของอเมริกา
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 92 เซนต์ ปิดที่ 76.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 63 เซนต์ ปิดที่ 82.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
น้ำมันทั้ง 2 สัญญาขยับลงต่อเนื่องจากวันอังคาร (7 มี.ค.) ตามความเห็นของ เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่บอกว่ามีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดหมายไว้ ในการตอบสนองต่อข้อมูลทางเศรษฐกิจเมื่อเร็วๆ นี้
ตลาดน้ำมันปรับลง แม้ว่าข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ พบคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศ ลดลง 1.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะเพิ่มขึ้น 395,000 บาร์เรล ส่วนสต๊อกน้ำมันเบนซิน ลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่คลังน้ำมันกลั่นสำรองเพิ่มขึ้น 138,000 บาร์เรล
ด้านราคาทองคำในวันพุธ (8 มี.ค.) ขยับลงต่อเนื่องในวันสุดท้ายที่ พาวเวล เข้าให้ปากคำต่อสภาคองเกรส โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,818.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธ (8 มี.ค.) ปิดผสมผสาน นักลงทุนวิเคราะห์สารที่ผสมผสานของประธานเฟด และจับตาข้อมูลทางเศรษฐกิจของอเมริกาที่มีกำหนดเผยแพร่เร็วๆ นี้ ไม่ว่าจะเป็นรายงานภาคแรงงานและเงินเฟ้อ ซึ่งคาดหมายว่าจะเป็นตัวตัดสินเกี่ยวกับเส้นทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตของเฟด
ดาวโจนส์ ลดลง 58.06 จุด (0.18 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 32,798.40 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 5.64 จุด (0.14 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,992.01 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 45.67 จุด (0.40 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,576.00 จุด
ในวันที่ 2 ของการเข้าให้ปากคำต่อสภาคองเกรสในวันพุธ (8 มี.ค.) พาวเวล เน้นย้ำคำกล่าวในวันอังคาร (7 มี.ค.) เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงกว่าเดิม แต่บอกว่ายังคงอยู่ระหว่างถกเถียงกัน และการพิจารณาจะขึ้นอยู่กับข้อมูลต่างๆ ที่เปิดเผยออกมาก่อนหน้าการประชุมคณะกรรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
วอลล์สตรีทปรับลดกว่า 1% ในวันอังคาร (7 มี.ค.) หลังความเห็นของพาวเวล ทำให้นักลงทุนมีความคาดหมายมากขึ้นสำหรับความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมีนาคม หลังจากก่อนหน้านี้เสียงส่วนใหญ่คาดหมายว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ก่อนที่ พาวเวล แสดงความคิดเห็น
ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เผยแพร่ในวันพุธ (8 มี.ค.) ไม่ใช่คลายความกังวลเท่าไหร่เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงกว่าเดิม หลังพบว่าการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดหมายในเดือนกุมภาพันธ์
(ที่มา : รอยเตอร์)