น้ำมันและทองคำลงหลังดอลล์แข็งค่า หุ้นสหรัฐฯ ปิดลบกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยเกินคาด

ราคาน้ำมันขยับลงในวันอังคาร (21 ก.พ.) จากความกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและดอลลาร์แข็งค่า ปัจจัยหลังนี้ฉุดทองคำปรับลด ส่วนวอลล์สตรีท ปิดลบแรง จากความเป็นไปได้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจขึ้นดอกเบี้ยเกินคาดหมายเมื่อควบคุมเงินเฟ้อ

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 18 เซนต์ ปิดที่ 76.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.02 ดอลลาร์ ปิดที่ 83.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

"ตลาดมีความผันผวนอย่างมากหลังจากเริ่มต้นสัปดาห์อย่างช้าๆ และน้ำมันดิบก็ไม่ต่างกัน" เครก เออร์แลม จากโบรกเกอร์ OANDA กล่าว "ในขณะที่การฟื้นตัวของจีนอาจช่วยดันราคาน้ำมันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกยังเป็นตัวถ่วง ดังนั้น เราจึงไม่เห็นว่าราคาน้ำมันจะขยับขึ้นเต็มพิกัด"

ตลาดน้ำมันยังถูกฉุดจากดอลลาร์ที่แข็งค่า ซึ่งทำให้น้ำมันที่ซื้อขายด้วยสกุลเงินสหรัฐฯ มีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่นๆ และปัจจัยนี้เองที่ฉุดให้ราคาทองคำแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมในวันอังคาร (21 ก.พ.)

โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 7.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,842.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันอังคาร (21 ก.พ.) ดิ่งลงหนัก ถูกฉุดจากบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ หลังข้อมูลพบการฟื้นตัวของกิจกรรมธุรกิจในเดือนกุมภาพันธ์ โหมกระพือความกังวลว่าเฟดอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยเกินคาด เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

ดาวโจนส์ ลดลง 697.10 จุด (2.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 33,129.59 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 81.75 จุด (2.00 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,997.34 จุด แนสแดค ลดลง 294.97 จุด (2.50 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,492.30 จุด

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อพบว่ากิจกรรมภาคธุรกิจในสหรัฐฯ ฟื้นตัวสู่ระดับสูงที่สุดในรอบ 8 เดือน ในเดือนกุมภาพันธ์ สู่ 50.2 จากระดับ 46.8 ในเดือนมกราคม ได้แรงหนุนจากภาคบริการที่แข็งแกร่ง

รายงานนี้เป็นตัวเลขเพิ่มเติมจากชุดข้อมูลเศรษฐกิจต่างๆ ที่เผยแพร่เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งให้ภาพว่าเศรษฐกิจอเมริกายังคงมีความยืดหยุ่น แม้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยมาแล้วหลายต่อหลายครั้งในปี 2022 เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ด้วยเงินเฟ้อที่ยังคงห่างไกลจากระดับเป้าหมาย 2% ของเฟด พวกนักวิเคราะห์จึงปรับเพิ่มประมาณการจุดพีกสุดของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 5.35% และคาดหมายว่าจะคงอย่ในระดับดังกล่าวไปตลอดทั้งปี

(ที่มา : รอยเตอร์)