เอพี - ทรัมป์ประกาศลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ รอบสาม แม้ถูกฟ้องร้องก็ตาม ขณะที่โพลอย่างไม่เป็นทางการในการประชุมผู้สนับสนุนกลุ่มอนุรักษนิยมสำคัญพบทรัมป์ กวาดคะแนนลอยลำ 62% ในการเป็นตัวแทนรีพับลิกันลงศึกชิงทำเนียบขาว ทิ้งห่างตัวเก็งสำคัญอย่างดีแซนทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาที่ได้คะแนนแค่ 20%
อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเมื่อวันเสาร์ (4) ก่อนการประชุมประจำปีกลุ่มปฏิบัติการทางการเมืองอนุรักษนิยม (ซีแพค) ว่า เขาไม่เคยแม้แต่คิดจะถอนตัวด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ทรัมป์ถูกอัยการสอบสวนกรณีพยายามล้มล้างผลการเลือกตั้งปี 2020 รวมถึงการจัดการเอกสารที่มีชั้นความลับ และอีกมากมาย
ในการปราศรัยในที่ประชุมดังกล่าวเมื่อคืนวันเสาร์ ทรัมป์กล่าวกับผู้สนับสนุนว่า ตนเองอยู่ใน “การต่อสู้ครั้งสุดท้าย” ซึ่งหมายถึงการพยายามกลับคืนสู่ทำเนียบขาว
แม้ซีแพคเป็นเวทีที่ผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันต้องเข้าร่วมอย่างน้อยหนึ่งครั้ง แต่รอน ดีแซนทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาที่ถูกมองว่า เป็นผู้ที่จะมาท้าทายทรัมป์ และว่าที่ผู้สมัครหลายคนตัดสินใจงดเข้าร่วมการประชุมในปีนี้ที่จัดขึ้นท่ามกลางข่าวฉาว และเนื่องจากเวทีนี้เทใจสนับสนุนทรัมป์มากกว่าว่าที่ผู้สมัครคนอื่นๆ
ทั้งนี้ ในการทดลองออกเสียงในการประชุมซีแพค ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นผู้เข้าร่วมที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ พบว่า ทรัมป์เป็นตัวเลือกอันดับ 1 ในการเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันลงศึกชิงทำเนียบขาว โดยได้คะแนนถึง 62% ส่วนดีแซนทิสได้แค่ 20% และเพอร์รี จอห์นสัน นักธุรกิจที่ประกาศลงแข่งขันในการประชุมนี้ได้เพียง 5%
ผู้ตอบแบบสำรวจเกือบทั้งหมด คือ 95% สนับสนุนผลงานของทรัมป์ในตำแหน่งประธานาธิบดี
เอลีเซ สเตฟานิก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรครีพับลิกันจากนิวยอร์ก และเป็นสมาชิกสภาล่างเพียงคนเดียวที่เข้าร่วมงานประชุมนี้ บอกว่า ทรัมป์ยังคงเป็นผู้นำพรรค และเธอคิดว่า เขาจะได้เป็นตัวแทนพรรคลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
ขณะที่ว่าที่คู่แข่งพากันไประดมทุนและการสนับสนุนจากผู้บริจาคสายอนุรักษนิยมใกล้ฟลอริดา ระหว่างปราศรัยทรัมป์วิจารณ์เหล่าผู้นำชั้นสูงของรีพับลิกันที่ต้องการถอยห่างจากตนเองอย่างไม่ไว้หน้าว่า เป็นพวกประหลาด ขวาใหม่ สากลนิยม คลั่งไคล้การเปิดพรมแดน และโง่เง่า รวมทั้งยังโจมตีดีแซนทิสด้วย
แม้สมาชิกชั้นนำของรีพับลิกันหลายคนไม่ไปร่วมการประชุมนี้ แต่ไมค์ พอมเพโอ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ และนิกกี้ เฮลีย์ อดีตเอกอัครราชทูตประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ไม่พลาด แถมใช้เวลาทีนี้โจมตีทรัมป์
เฮลีย์นั้นประกาศก่อนหน้านี้แล้วว่า จะลงสมัครเป็นตัวแทนพรรค แต่พอมเพโอยังไมได้ประกาศอย่างเป็นทางการ กระนั้น การที่ทั้งคู่ไม่ได้เอ่ยชื่อทรัมป์โดยตรง ตอกย้ำความเสี่ยงที่คู่แข่งของทรัมป์ต้องเผชิญในพรรครีพับลิกันที่อดีตประธานาธิบดีผู้นี้ยังมีอิทธิพลอยู่อย่างมาก
เวฟเวอร์ลี วูดส์ นักเคลื่อนไหวของรีพับลิกันและนักการตลาดจากเวอร์จิเนีย บอกว่า ชอบดีแซนทิส แต่ทรัมป์เป็นตัวเลือกแรกในใจสำหรับตำแหน่งประธานาธิบดี
อี เพย์น คิลบอร์น อดีตนาวาเอกจากแมรี่แลนด์ บอกว่า ชื่นชอบมากตอนที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่พรรคจะเดินหน้าต่อไป และทรัมป์เป็นภัยเกินไปสำหรับอเมริกา เขายังเชื่อว่า ดีแซนทิสมีภาษีดีกว่าที่จะชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี