ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันพฤหัสบดี (2 มี.ค.) ได้แรงหนุนจากสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัวในจีน ชาติผู้นำเข้าพลังงานรายใหญ่ของโลก ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวก เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สายแข็งกร้าวส่งสัญญาณอ่อนข้อในแนวทางปรับอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ทองคำปรับลดเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ ปิดที่ 78.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ ปิดที่ 84.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กิจกรรมภาคโรงงานของจีนเติบโตขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว ในอัตราร้อนแรงที่สุดในรอบกว่า 1 ทศวรรษ จากข้อมูลที่เผยแพร่ในวันพุธ (1 มี.ค.) เป็นหลักฐานเพิ่มเติมว่าเศรษฐกิจหมายเลข 2 ของโลกฟื้นตัวแล้ว หลังยกเลิกข้อจำกัดสกัดโควิด-19
ยอดนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียผ่านการขนส่งทางทะเลของจีน มีโอกาสแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนนี้ ท่ามกลางการเดินเครื่องเต็มสูบของบรรดาโรงกลั่นทั้งหลายที่อาศัยความได้เปรียบจากน้ำมันราคาถูกของมอสโก
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันพฤหัสบดี (2 มี.ค.) หลัง ราฟาล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาแอตแลนตา แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางที่เขาอยากเห็นเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 341.73 จุด (1.05 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 33,003.57 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 29.96 จุด (0.76 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,981.35 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 83.50 จุด (0.73 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,462.98 จุด
ในเหตุผลสนับสนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% บอสติก กล่าวว่าเขาอยากใช้แนวทางที่เหมาะสม "อย่างช้าๆ และมั่นคง" ในความเคลื่อนไหวของเฟด เนื่องจากผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยระดับสูงอาจเพิ่งเริ่มต้นรับรู้ได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
รีส วิลเลียมส์ หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ของบริษัทสเปาติง ร็อค แอสเซจ แมนเนจเมนต์ ในเพนซิลเวเนีย กล่าวว่า "บอลติกเป็นเจ้าหน้าที่เฟดค่อนข้างสายแข็งกร้าว ดังนั้นการที่เขาสนับสนุนปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จึงเป็นเรื่องน่าเบาใจ เพราะว่าเขาเป็นสายแข็งกร้าว"
"เฟดไม่ได้บ้า พวกเขาเข้าใจดีว่านโยบายการเงินทำงานล่าช้าได้ผลตามหลัง ดังนั้น คุณจึงจะเพิ่งพบเห็นผลกระทบของการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก" เขากล่าว
ส่วนราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (2 มี.ค.) ปิดลบเป็นครั้งแรก หลังจากก่อนหน้านี้ขยับขึ้นมา 3 วันติด หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 4.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,840.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)