ราคาน้ำมันขยับลงและทองคำฟื้นตัวในวันจันทร์(27ก.พ.) จากข้อมูลบวกทางเศรษฐกิจที่ก่อความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม ขณะที่วอลล์สตรีทปิดบวกเล็กน้อย ตามแรงช้อนซื้อของนักลงทุน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 64 เซนต์ ปิดที่ 75.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 71 เซนต์ ปิดที่ 82.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ยอดคำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าประเภททุนที่ผลิตโดยสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดหมายในเดือนมกราคม ท่ามกลางการฟื้นตัวของการส่งออก บ่งชี้ว่าการใช้จ่ายภาคธุรกิจในด้านเครื่องไม่เครื่องมือ ดีดตัวขึ้นในช่วงต้นไตรมาสแรก
อย่างไรก็ตามข้อมูลบวกทางเศรษฐกิจดังกล่าว ทำให้นักลงทุนต้องเตรียมรับมือกับความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ เช่นเดียวกับธนาคารกลางยุโรป ซึ่งอาจกัดเซาะการเติบโตทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ทางพลังงาน
ความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม หลังเศรษฐกิจอเมริกาแข็งแกร่ง ผลักให้นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ประกอบกับดอลลาร์ที่อ่อนค่า ดันราคาทองคำในวันจันทร์(27ก.พ.) ขยับขึ้นเล็กน้อย โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 7.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,824.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันจันทร์(27ก.พ.) ปิดบวกเล็กน้อย นักลงทุนช้อนซื้อ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วอลล์สตรีทดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ดัชนีหลักปรับลงคิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดของปี 2023 จากความกังวลต่อเนื่องเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสยบเงินเฟ้อระดับสูง
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 72.17 จุด (0.22 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 32,889.09 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 12.20 จุด (0.31 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,982.24 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 72.04 จุด (0.63 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,466.98 จุด
"ตามหลังสัปดาห์ที่เลวร้ายที่สุดของปี และเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติขยับลง 3 สัปดาห์ติดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคม การดีดตัวขึ้นคือการเปลี่ยนแปลงที่นักลงทุนขานรับด้วยความยินดี แต่อีกนั่นแหละ พวกนักลงทุนกำลังพยายามหาคำตอบว่าจริงๆแล้วอีกนานแค่ไหนที่เฟดจะออกจากดอกเบี้ยระดับสูง และมีความเป็นไปได้ว่าการปรับขึ้นอีก 0.50% จะอยู่บนโต๊ะพิจารณาของการประชุมนัดถัดไป" ไรอัน เดทริค หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์การตลาดของคาร์สันกรุ๊ปกล่าว
"มันนำมาซึ่งความไม่แน่นอน และเราเคยเห็นมาแล้วว่า ความไม่แน่นอนสามารถโหมกระพือแรงเทขายและก่อความผันผวน" เขากล่าว
(ที่มา:รอยเตอร์)