ยูเครนระบุพวกเขาอยู่รอดแล้วจากฤดูหนาวอันยากลำบากยาวนานหลายเดือน อันเนื่องจากรัสเซียโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำประปาและพลังงาน ในขณะที่ประเทศแห่งนี้เข้าสู่วันแรกของฤดูใบไม้ผลิในวันพุธ (1 มี.ค.)
นับตั้งแต่เดือนตุลาคม รัสเซียปฏิบัติการโจมตีถล่มแหล่งที่ตั้งสำคัญๆ ในยูเครนด้วยขีปนาวุธและโดรน ก่อความยุ่งเหยิงแก่อุปทานไฟฟ้า ความร้อนและน้ำประปาที่จ่ายป้อนประชาชนหลายล้านคน
ดมิทรี คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศกล่าวว่ายูเครนเอาชนะ "ฤดูหนาวอันน่าสยดสยอง" ที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย นำมาสู่ประเทศของเขาได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหยิบยกวันแรกของฤดูใบไม้ผลิ ว่าเป็นอีกหนึ่งความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของเครมลิน "เราอยู่รอดจากฤดูหนาวอันยากลำบากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเนา มันหนาวเหน็บและมืดมิด แต่ไม่มีใครทำลายเราได้"
องค์กรความช่วยเหลือต่างๆ เคยเตือนเมื่อตอนเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ว่าปฏิบัติการโจมตีของรัสเซียอาจก่อระลอกคลื่นผู้ลี้ภัยรอบใหม่ไปยุโรป และสิ่งสำคัญที่สุดของยูเครนคือการอยู่รอดผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งอุณหภูมิหนาวเหน็บนานหลายเดือน
เครมลินระบุว่า เคียฟต้องรับผิดชอบต่อความทุกข์ทรมานของพลเรือน อันมีต้นตอจากไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง เนื่องจากยูเครนปฏิเสธอ่อนข้อต่อข้อเรียกร้องสงครามของรัสเซีย
ยูเครเนโก ผู้ให้บริการทางพลังงานของยูเครนเปิดเผยในวันพุธ (1 มี.ค.) ว่าไม่พบปัญหาไฟฟ้าไม่เพียงพอมานานกว่า 2 สัปดาห์แล้ว "ขณะเดียวกัน วิศวกรของเรายังคงเดินหน้าซ่อมแซมสถานีระบบไฟฟ้าทั้งหมดที่ก่อนหน้านี้ได้รับความเสียหายจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนของรัสเซีย"
ท่ามกลางสงครามในยูเครน พบยุโรปปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ ลดพึ่งพิงน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย ท่ามกลางมาตรการคว่ำบาตรหลายระลอกที่เล็งเป้าหมายจำกัดศักยภาพของรัสเซีย ในการเข้าถึงแหล่งทุนสำหรับทำสงคราม ผ่านการโกยเงินจากธุรกิจพลังงาน
"อียูก็ชนะด้วยเช่นกัน และตรงข้ามกับเสียงหัวเราะของมอสโก พวกเขาไม่ได้หนาวเหน็บโดยปราศจากก๊าซของรัสเซีย มีหนึ่งอย่างที่อยากแนะนำรัสเซีย จงสำลักก๊าซของแก และสำลักขีปนาวุธของแกด้วย" คูเลบา กล่าว
ความเห็นของรัฐมนตรีต่างประเทศรายนี้มีขึ้นในขณะที่การสู้รบทางภาคตะวันออกของยูเครน ดูเหมือนจะมาถึงช่วงเวลาสำหรับสำหรับเคียฟ โดยเฉพาะในรอบเมืองบัคมุต ซึ่งกลายมาเป็นสมรภูมิที่นองเลือดและยาวนานที่สุดนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกราน
ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีใกล้เมืองบัคมุต พบเห็นกองกำลังยูเครนปิดถนนที่มุ่งหน้าสู่เมืองแห่งนี้ เพิ่มแนวโน้มความเป็นไปได้ที่ยูเครนจะถอนทัพออกมา อย่างไรก็ตาม ทางโฆษกกองทัพยูเครนที่ประจำการอยู่ทางตะวันออกของประเทศ ชี้แจงว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีการตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว
เมืองบัคมุต ครั้งหนึ่งเคยมีประชากรราวๆ 70,000 คน แต่ค่อยๆ พบเห็นผู้คนอพยพออกมาตามลำดับ และตอนนี้เหลือประชาชนที่ยังคงอยู่ในเมืองแห่งนี้แค่ 4,500 คน
(ที่มา : เอเอฟพี)