รอยเตอร์ – กองกำลังรัสเซียยังคงพยายามปิดล้อมเมืองบัคมุตทางตะวันออกของยูเครน ขณะที่ฝนและหิมะต้นฤดูใบไม้ผลิเริ่มละลายทำให้สนามรบจมโคลนซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อทหารของทั้งสองฝ่าย
ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิที่หิมะเริ่มละลายหรือที่เรียกว่า “รัสปูติตซา” หรือฤดูโคลนนั้น มีประวัติมายาวนานในการทำลายแผนการโจมตีดินแดนในยูเครนและด้านตะวันตกของรัสเซีย เนื่องจากถนนจะกลายสภาพเป็นแม่น้ำ และทุ่งกลายเป็นหนองบึงที่เข้าถึงไม่ได้
ในภูมิภาคโดเนตสก์ ทหารยูเครนนั่งจมโคลนในสนามเพลาะหลังจากอากาศอุ่นกะทันหันและทำให้น้ำแข็งบนพื้นดินละลาย ผู้บัญชาการกองพันฐานยิงจรวดของยูเครน บอกว่า ทั้งสองฝ่ายได้แต่ประจำอยู่ในที่มั่น ขณะที่ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ยานยนต์ทหารหลายคันติดอยู่ในโคลน
รัสเซียกำลังพยายามปิดล้อมเมืองบัคมุตและกดดันให้ยูเครนถอนทหารออกไป ซึ่งหากสำเร็จจะถือเป็นชัยชนะสำคัญของมอสโกในรอบกว่าครึ่งปี หลังจากการรบนองเลือดที่สุดครั้งหนึ่ง ซึ่งรัสเซียเริ่มจู่โจมขณะพื้นดินปกคลุมด้วยน้ำแข็ง
รัสเซียเรียกทหารกองหนุนนับแสนมาเสริมกำลังนับจากปลายปีที่ผ่านมาและระดมโจมตีอย่างหนักในหลายจุดตลอดแนวรบด้านตะวันออก ขณะที่ชาติตะวันตกวิจารณ์ว่า การโจมตีของรัสเซียในหลายพื้นที่ล้มเหลวและต้องจ่ายราคาแพงมาก
กองทัพรัสเซียประกาศชัดเจนว่า แม้ล่าช้าแต่มีความคืบหน้าทางเหนือและใต้ของบัคมุต และกำลังพยายามปิดล้อมกองกำลังยูเครนในเมืองนี้ที่เสียหายยับเยินจากครั้งหนึ่งที่เคยมีประชากรราว 750,000 คน
เซอร์ฮีย์ เชเรวาตี โฆษกกองบัญชาการทหารภาคตะวันออกของยูเครน เผยว่า กองบัญชาการทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อหยุดยั้งไม่ให้ข้าศึกรุกล้ำเข้าสู่เมือง
ด้านรัสเซียอ้างว่า ได้ทำลายคลังกระสุนของยูเครนใกล้บัคมุต รวมทั้งยิงจรวดที่ผลิตในอเมริกาและโดรนของยูเครนร่วง
ในวันจันทร์ (27 ก.พ.) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครน กล่าวว่า สถานการณ์รอบๆ เมืองบัคมุตยากลำบากยิ่งขึ้น โดยทหารรัสเซียยังคงทำลายทุกสิ่งที่ยูเครนสามารถใช้ปกป้องฐานที่มั่นและปกป้องเมือง
ทั้งนี้ ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมากองทัพยูเครนมุ่งเน้นรักษาที่มั่นในการตั้งรับเป็นส่วนใหญ่ แต่คาดว่า จะพยายามตอบโต้กลับปลายปีนี้ด้วยอาวุธใหม่ๆ ที่ตะวันตกรับปากจัดหาให้
เซเลนสกี้สำทับว่า ต้องการเผด็จศึกรัสเซียให้ได้ภายในปีนี้ และว่ายูเครนมีครบทุกอย่างทั้งแรงบันดาลใจ ความเชื่อมั่น พันธมิตร การทูต ขาดเพียงเครื่องบินขับไล่เอฟ-16
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (24 ก.พ.) ซึ่งเป็นวันครบรอบหนึ่งปีสงครามยูเครน ทั้งสองฝ่ายพยายามโชว์ความมุ่งมั่นในการสู้รบในปีที่สอง โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประกาศยกเลิกสนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ที่ทำกับอเมริกา แต่ไม่ได้พาดพิงถึงแผนการสำคัญใหม่ๆ ที่จะพลิกโฉมสงคราม อีกทั้งยังถูกประธานาธิบดีโจ ไบเดนแย่งชิงความโดดเด่น หลังจากผู้นำสหรัฐฯ เดินทางเยือนเคียฟและปราศรัยในวอร์ซอ
ส่วนจีนที่ส่งสัญญาณให้การสนับสนุนรัสเซียด้วยการส่งนักการทูตระดับสูงเยือนมอสโกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้น ออกมาเรียกร้องสันติภาพ ซึ่งแม้ยังเป็นที่เคลือบแคลงในสายตาตะวันตก แต่ได้รับการต้อนรับจากทั้งเคียฟและมอสโก
ขณะเดียวกัน เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสคนล่าสุดที่ไปเยือนเคียฟเมื่อวันจันทร์ โดยให้สัญญาช่วยเหลือยูเครนและเพิ่มมาตรการต่างๆ เพื่อโดดเดี่ยวรัสเซีย หลังพบกับเซเลนสกี้และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ของยูเครน
เยลเลนยังประกาศส่งมอบเงินก้อนแรก 1,250 ล้านดอลลาร์ จากแพ็คเกจความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจและงบประมาณล่าสุด 9,900 ล้านดอลลาร์ให้ยูเครน รวมทั้งสนับสนุโครงการอัดฉีดเงินให้ยูเครนร่วมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่จะเสร็จสิ้นปลายเดือนมีนาคม