xs
xsm
sm
md
lg

จีนเปิดศึกสหรัฐฯ เวทีประชุมความมั่นคง โต้เถียงเดือดประเด็นบอลลูน-สงครามยูเครน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หวัง อี้ กรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ผู้อำนวยการคณะกรรมการงานด้านกิจการต่างประเทศส่วนกลางของจีนในวันเสาร์ (18 ก.พ.) กล่าวหาสหรัฐฯ ละเมิดบรรทัดฐานระหว่างประเทศ ด้วยพฤติกรรม "ตีโพยตีพายเกินเหตุ" ในขณะที่การโต้เถียงเกี่ยวกับบอลลูนต้องสงสัยเป็นบอลลูนสอดแนมของจีน กลายเป็นอีกประเด็นที่ครอบงำเวทีประชุมด้านความมั่นคงโลกในเมืองนิวนิก ประเทศเยอรมนี

ความเห็นของหวัง อี้ ยิ่งทำให้แนวโน้มของการพบปะพูดคุยกันระหว่างเขากับแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ รอบนอกการประชุมแห่งนี้ยิ่งมืดมนลงไปอีก และพอรอยเตอร์สอบถามในเวลาต่อมาว่าเขาจะพบปะกับบลิงเคนหรือไม่ หวัง ได้แต่ยิ้มและไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ

คำแถลงของ หวัง ในครั้งนี้ เกิดขึ้นในวันที่ 2 ของการประชุมด้านความมั่นคงมิวนิก (Munich Security Conference) ประจำปี ซึ่งในปีนี้ จนถึงตอนนี้ถูกครอบงำโดยประเด็นแนวทางตอบสนองของโลกต่อปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ในขณะที่สงครามนี้ใกล้เข้าสู่ปีที่ 2 แล้ว

กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตอบโต้กลับในเวลาต่อมา โดบอกว่าเธอมีปัญหากับการที่จีนมีความสัมพันธ์กับรัสเซียแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น นับตั้งแต่การรุกรานเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ และบอกว่าการที่จีนให้การสนับสนุนรัสเซีย จะบ่อนทำลาย "ระเบียบโลก" ที่อยู่บนพื้นฐานของ "กติกา"

ประเด็นพิพาทเกี่ยวกับบอลลูน ซึ่งลอยข้ามสหรัฐฯ และแคนาดา ก่อนถูกยิงตกตามคำสั่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้กัดเซาะความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติที่ดำดิ่งอยู่ก่อนแล้ว และมันเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตะวันตกจับตาปักกิ่งอย่างใกล้ชิด ในแนวทางตอบสนองต่อสงครามยูเครน

"การส่งเครื่องบินขับไล่ล้ำสมัยยิงตกบอลลูนลูกหนึ่งด้วยขีปนาวุธ การกระทำเช่นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อยากจะเชื่อเลย มันเป็นการตีโพยตีพายเกินไป มีบอลลูนมากมายลอยอยู่ทั่วโลกและหลายประเทศมีมัน แล้วสหรัฐฯ ไม่ต้องสอยมันให้ร่วงทั้งหมดหรือ?" หวัง อี้ กล่าว "เราขอให้สหรัฐฯ แสดงความจริงใจและแก้ไขความผิดพลาด เผชิญหน้าและคลี่คลายเหตุการณ์นี้ ซึ่งทำลายความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ"

ประเด็นพิพาทเกี่ยวกับบอลลูน กระตุ้นให้ บลิงเคน เลื่อนแผนการเดินทางเยือนปักกิ่ง ซึ่งกำหนดไว้ในวันที่ 5-6 กุมภาพันธ์ ซึ่งจะถือเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ คนแรกที่เดินทางเยือนจีนในรอบ 5 ปี และถูกมองจาก 2 ฝ่าย ว่าเป็นโอกาสแห่งการซ่อมแซมความสัมพันธ์

ในส่วนของสหรัฐฯ นั้น หวังซ่อมแซมความสัมพันธ์ที่แตะระดับต่ำจนถึงขั้นอันตรายกับจีน ตามหลังจีนแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ด้วยความเดือดดาลต่อการเดินทางเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรอเมริกา ณ ขณะนั้น ในเดือนสิงหาคมปีก่อน

ตะวันตกแสดงความกังวลเกี่ยวกับท่าทีตอบสนองของจีนต่อสงครามในยูเครน ด้วยบางคนเตือนว่าชัยชนะของรัสเซียอาจเป็นข้ออ้างการกระทำของจีนที่มีต่อไต้หวัน โดยจนถึงตอนนี้ จีนยังคงปฏิเสธประณามสงครามหรือเรียกมันว่าเป็นการรุกราน

"ถ้าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน คิดว่าเขาจะรอให้เราถอยออกมา เขาผิดพลาดอย่างมหันต์" แฮร์ริสกล่าวกับบรรดาผู้เข้าร่วมที่ประกอบด้วยบรรดานักการเมือง เจ้าหน้าที่ทหาร ผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารด้านอุตสาหกรรมกลาโหม ในที่ประชุมิมิวนิก "เวลาไม่ได้อยู่ข้างเขา"

หวัง เน้นย้ำข้อเรียกร้องให้หาทางออกด้วยการเจรจา และชี้แนะว่าบรรดาชาติยุโรปทั้งหลาย "ควรคิดทบทวนอย่างใจเย็น" เกี่ยวกับหนทางยุติสงคราม นอกจากนี้ เขายังบอกด้วยว่า "กองกำลังบางฝ่ายดูเหมือนไม่ต้องการให้การเจรจาประสบความสำเร็จ หรือไม่ต้องการให้สงครามยุติลงเร็ววัน" โดยไม่ได้เจาะจงว่าเป็นชาติใด

อูร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวว่า ปักกิ่งไม่มีความเป็นกลางในเรื่องเกี่ยวกับยูเครน "จีนเลือกข้างอย่างชัดเจน ด้วยการลงนามในข้อตกลงมิตรภาพไร้ขีดจำกัดกับรัสเซีย"

ที่ประชุมมิวนิก เริ่มต้นขึ้นในวันศุกร์ (17 ก.พ.) ด้วยประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เรียกร้องพันธมิตรตะวันตกให้เร่งสงมอบอาวุธทันสมัยในสงครามล้มยักษ์ เพื่อปลดปล่อยเสรีภาพจากเงื้อมมือของรัสเซีย

อันนาเลนา แบร์บ็อค รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี ได้พบปะกับ หวัง ในที่ประชุมดังกล่าวเช่นกัน ในขณะที่ เบอร์ลิน กำลังทบทวนความสัมพันธ์กับปักกิ่ง นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครน แต่ขณะเดียวกันเยอรมนีก็แสดงความกังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากเศรษฐกิจของพวกเขาต้องพึ่งพิงตลาดจีนเป็นอย่างมาก

"เราพูดคุยกันอย่างเข้มข้นเมื่อวานนี้" แบร์บ็อคกล่าว ทั้งนี้เธอได้พบปะพูดคุยทวิภาคีกับ บลิงเคน เช่นกันในวันศุกร์ (17 ก.พ.) "คุณต้องไม่มอบรางวัลแก่ผู้โจมตี ผู้รุกราน แต่คุณควรยืนหยัดเพื่อกฎหมายระหว่างประเทศ และเพื่อคนที่ถูกโจมตี จีนเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ มีหน้าที่ทีต้องใช้อิทธิพลของตนเองเพื่อรับประกันสันติภาพโลก"

(ที่มา : รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น