เมืองบัคมุต ทางภาคตะวันออกของยูเครน ถูกรัสเซียยิงปืนใหญ่ถล่มอย่างหนักในวันจันทร์ (13 ก.พ.) เลขาธิการนาโต้ยืนยันรายงานจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่บอกว่าปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่รอบใหม่ของมอสโกได้เริ่มขึ้นแล้ว ไม่กี่วันก่อนถึงวาระครบรอบ 1 ปีแห่งการรุกราน ขณะที่แหล่งข่าวด้านการทูตในยุโรปยอมรับเคียฟเผาผลาญกระสุนเร็วกว่ากำลังผลิตของตะวันตก และหากต้องเปิดศึกกับรัสเซีย บางประเทศกระสุนอาจหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่วัน
เจ้าหน้าที่ทหารยูเครน บอกว่าพวกผู้ปกป้องยูเครน ซึ่งยืนหยัดมานานหลายเดือน พร้อมรับมือกับการจู่โจมทางภาคพื้นรอบใหม่
ได้มีการเสริมแนวป้องกันฐานที่มั่นต่างๆ ในเมืองบัคมุต และมีเพียงบุคคลที่มีบทบาทด้านการทหารเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายในเมือง ตามการเปิดเผยของรองผู้บัญชาการกองพันหนึ่ง และระบุพลเรือนรายใดที่ยังต้องการเดินทางออกนอกเมืองจะต้องทำใจให้กล้าหาญพร้อมเผชิญกับการระดมยิงเข้ามาของฝ่ายศัตรู
บัคมุต คือเป้าหมายหลักของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และหากสามารถเข้ายึดได้สำเร็จ มันจะเปิดทางให้มอสโกมีฐานที่มั่นใหม่ในแคว้นโดเนตสก์ และเป็นชัยชนะที่หาได้ยาก ตามหลังประสบความปราชัยสมรภูมิแล้วสมรภูมิเล่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ แคว้นโดเนตสก์และแคว้นลูฮันสก์ รวมกันเป็นภูมิภาคดอนบาส ดินแดนอุตสาหกรรมของยูเครน ซึ่งเวลานี้บางส่วนอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย แต่มอสโกต้องการยึดครองทั้งหมด
เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในบรัสเซลส์ ว่า "ความเป็นจริงคือ เราเห็นปฏิบัติการโจมตีของรัสเซียได้เริ่มขึ้นแล้ว เพราะว่าสิ่งที่เราเห็นรัสเซียทำ สิ่งที่ประธานาธิบดีปูตินทำในตอนนี้ก็คือ การส่งทหารเข้ามาเสริมอีกหลายพันนาย ยอมรับอัตราความสูญเสียระดับสูง"
ปฏิบัติการโจมตีเมืองบัคมุต มีกลุ่มนักรบอาสาสมัครวากเนอร์เป็นหัวหอก ซึ่งก่อนหน้านี้สามารถรุกคืบได้เล็กน้อยแต่อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การยิงถล่มรอบใหม่ของรัสเซีย ยิ่งทำให้สถานการณ์ในภาคสนามสาหัสขึ้นกว่าเดิม
โวโลดีมีร์ นาซาเรนโก รองผู้บัญชาการกองทันสโวโบดาของยูเครน เปิดเผยว่า "ตัวเมือง แถบชานเมือง อาณาเขตทั้งหมด ทุกทิศทุกทางของบัคมุตและคอสแตนตีนิฟกา อยู่ภายใต้ห่ากระสุนปืนใหญ่ที่ยุ่งเหยิงและบ้าคลั่ง"
นาซาเรนโก บอกว่าแม้ไม่มีการสู้รบเกิดขึ้นในย่านใจกลางเมือง แต่บรรดาผู้ปกป้องพร้อมรับมือกับการจู่โจมใดๆ
กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า ทหารของพวกเขาผลักดันรุกคืบเป็นระยะทางหลายกิโลเมตรตามแนวหน้า แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นที่ไหน
ส่วนกองทัพยูเครนรายงานว่ารัสเซียยิงปืนใหญ่ถล่มทั่วทุกแนวหน้า และบอกว่ามีถิ่นพักอาศัย 16 แห่งใกล้เมืองบัคมุตถูกโจมตี พร้อมระบุในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา กองกำลังของพวกเขาสามารถตอบโต้สกัดการจู่โจมต่างๆ บริเวณใกล้เคียงบัคมุต เช่นเดียวกับการจู่โจมเมืองคาร์คิฟ ลูฮันสก์และซาโปริซเซีย
เซอร์ฮีย์ ไฮได ผู้ว่าการภูมิภาคลูฮันสก์ เคยคาดการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่รอบใหม่ของรัสเซียได้เริ่มขึ้นแล้ว และล่าสุดเขาเผยว่ากองกำลังรัสเซียได้โจมตีเมืองบิโลโกริฟกา จากทุกทิศทุกทาง ก่อนรุ่งสางในวันจันทร์ (13 ก.พ.)
สำนักงานสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ระบุในวันจันทร์ (13 ก.พ.) มีพลเรือนเสียชีวิตไปแล้ว 7,199 ราย และบาดเจ็บ 11,756 คน นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีก่อน ส่วนใหญ่จากกระสุนปืนใหญ่ ขีปนาวุธและปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ อย่างไรก็ตาม พวกเขาเชื่อว่าตัวเลขที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้มาก
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีมอลโดวา กล่าวหารัสเซียในวันจันทร์ (13 ก.พ.) ว่ากำลังวางแผนใช้ผู้ก่อวินาศกรรมต่างชาติโค่นล้มผู้นำของพวกเขา และใช้มอลโดวาในการทำสงครามกับยูเครน ทั้งนี้ มอลโดวา มีภูมิภาค ทรานส์นีสเตรีย ภูมิภาคเล็กๆ ที่ได้ประกาศแยกตัวจากมอลโดวา และอยู่รอดมานานกว่า 3 ทศวรรษ ภายใต้การสนับสนุนของรัสเซีย
ประธานาธิบดีไมอา ซานดู ของมอลโดวา แสดงความคิดเห็นดังกล่าว หลังประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน บอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ประเทศของเขาสืบพบแผนข่าวกรองหนึ่งของรัสเซีย สำหรับการทำลายล้างมอลโดวา ไม่กี่วันหลังจากรัฐบาลของประเทศซึ่งมีชายแดนติดกับยูเครนและโรมาเนีย ลาออก
ด้วยที่ยูเครนตะเกียกตะกายส่งเสียงร้องขออาวุธเพิ่มเติม รัฐมนตรีกลาโหมจากหลายประเทศสมาชิกนาโต้ พันธมิตรของเคียฟ จะพบปะกันในเยอรมนีในวันอังคาร (14 ก.พ.) เพื่อหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการมอบความช่วยเหลือด้านการทหารเพิ่มเติม
ยูเครนบอกว่าต้องการเครื่องบินขับไล่และขีปนาวุธพิสัยไกล เพื่อตอบโต้ปฏิบัติการจู่โจมของรัสเซีย และทวงคืนดินแดนที่สูญเสียไป ในเรื่องดังกล่าว สโตลเทนเบิร์ก คาดหมายว่าจะมีการหารือกันในประเด็นเครื่องบิน แต่บอกว่าเวลานี้ยูเครนต้องการแรงสนับสนุนทางภาคพื้นมากกว่า
แหล่งข่าวนาโต้เผยว่าพวกเขาจะปรับเพิ่มเป้าหมายสำหรับกักตุนกระสุน ในขณะที่เคียฟเผาผลาญกระสุนเร็วกว่าที่บรรดาประเทศตะวันตกสามารถผลิตได้เป็นอย่างมาก
แม้กระทั่งก่อนรัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครน บรรดาประเทศสมาชิกนาโต้หลายชาติก็มีคลังสำรองกระสุนไม่ถึงระดับเป้าหมายของพันธมิตรทหารแห่งนี้อยู่ก่อนแล้ว เนื่องจากเจ้าหน้าที่มองว่าการทำสงครามพร่ากำลังด้วยปืนใหญ่และจรวดขนานใหญ่นั้นเป็นอดีตไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ด้วยอัตราการส่งมอบแก่ยูเครน ซึ่งทหารเคียฟยิงจรวดและกระสุนปืนใหญ่สูงสุด 10,000 ลูกต่อวัน มันทำให้คลังแสงของตะวันตกลดฮวบ จนถึงขึ้นที่ผู้แทนทูตยุโรปรายหนึ่งยอมรับกับรอยเตอร์ว่า "หากยุโรปต้องสู้รบกับรัสเซีย กระสุนของบางประเทศจะหมดลงภายในเวลาไม่กี่วัน"
(ที่มา : รอยเตอร์)