เอเจนซีส์ - นายใหญ่วากเนอร์ กรุ๊ป บริษัททหารรับจ้างของรัสเซีย เผยอาจต้องใช้เวลา 2 ปีกว่าที่รัสเซียจะยึดภาคตะวันออกของยูเครนได้ทั้งหมด บ่งชี้ว่า ผู้นำสำคัญบางคนในมอสโกกำลังเร่งปิดจ๊อบความขัดแย้งที่ยืดเยื้อในยูเครน
เยฟเกนี พริโกซิน ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลกนับจากสงครามยูเครนเริ่มต้นขึ้นเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ชี้ว่า โฟกัสของรัสเซียตอนนี้อยู่ที่การยึดพื้นที่ที่เหลือในภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งอาจต้องใช้เวลาราวปีครึ่งถึง 2 ปี และ 3 ปีสำหรับการยึดครองดินแดนทั้งหมดทางด้านตะวันออกของแม่น้ำดนิโปร
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยูเครนคาดว่า รัสเซียกำลังจะบุกใหญ่ ซึ่งอาจเป็นก่อนวาระครบรอบ 1 ปีการบุกยูเครนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้
สถานการณ์หนึ่งตามที่พริโกซิน ซึ่งเป็นพันธมิตรของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ให้สัมภาษณ์กับบล็อกเกอร์รัสเซียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (11 ก.พ.) คือกองทัพรัสเซียปิดล้อมกองทัพยูเครนในภาคตะวันออกจากทางเหนือและใต้ ด้วยการส่งรถถังข้ามแดนมุ่งหน้าเมืองซูมีและโพลทาวา และการรุกคืบพร้อมกันจากดินแดนยึดครองในภูมิภาคซาโปริซเซียทางใต้
พริโกซินก่อตั้งวากเนอร์ กรุ๊ป บริษัทการทหารเอกชน ในปี 2014 แต่ไม่เคยยอมรับเรื่องนี้จนกระทั่งเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว นอกจากนี้พริโกซินที่ถูกเรียกขานว่า “เชฟประจำตัวปูติน” ยังมีธุรกิจจัดเลี้ยงที่ให้บริการจัดเลี้ยงอาหารค่ำที่มีผู้นำรัสเซียร่วมเป็นแขกในงาน
วากเนอร์ได้รับมอบหมายให้ยึดเมืองบัคมุตในดอนบาส ซึ่งถือเป็นสมรภูมิที่สู้รบดุเดือดและมีผู้เสียชีวิตนับพันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
พริโกซินยังอ้างว่า ทหารรับจ้างของวากเนอร์มีความคืบหน้าทีละน้อยในบัคมุต แต่ยอมรับว่า ทหารรัสเซียยังไม่สามารถเข้ายึดเมืองนี้ได้ และถือเป็นสนามรบที่รบกันหนักหน่วงที่สุดแห่งหนึ่งนับจากเริ่มสงคราม
เจ้าหน้าที่ตะวันตกประเมินว่า วากเนอร์มีทหารรับจ้างสู้รบอยู่ในยูเครนราว 50,000 คน โดย 40,000 คนในจำนวนนี้ถูกเกณฑ์มาจากเรือนจำในรัสเซีย และส่งไปแนวหน้าเพื่อโจมตีศัตรูโดยผ่านการฝึกฝนน้อยมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 ก.พ.) วากเนอร์ยืนยันว่า ไม่ได้เกณฑ์นักโทษจากเรือนจำอีกต่อไป
พริโกซินสำทับว่า เขาไม่สนใจว่า ทหารรับจ้างของวากเนอร์จะมีพฤติกรรมเหมือนนาซีหรือเป็นสมาชิกแก๊งอาชญากรมาก่อน แต่สิ่งเดียวที่สำคัญคือ ทหารรับจ้างเหล่านั้นต้องรู้วิธีปฏิบัติต่อสหายร่วมรบและดูแลตัวเองในสนามรบ นอกจากนี้ เขายังปฏิเสธว่าไม่ได้ใช้นักโทษเป็นแค่วัตถุที่ใช้ทำสงคราม
ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ย้ำข้อเรียกร้องขอเครื่องบินขับไล่ และเขาได้ทำทุกทางที่ทำได้เพื่อโน้มน้าวให้พันธมิตรตะวันตก “ติดปีกที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ” ให้ยูเครน แม้มีข้อสงสัยว่า ข้อเสนอของเคียฟทำได้จริงหรือไม่ก็ตาม
นอกจากนั้น ยังมีแนวโน้มสูงที่รถถังและปืนใหญ่ระยะไกลจากตะวันตกจะจัดส่งถึงยูเครนในอีกหลายเดือน ขณะที่มีความชัดเจนน้อยมากเรื่องการส่งเครื่องบินรบล้ำสมัยให้เคียฟ
ล่าสุด โปแลนด์ออกตัวว่ายินดีจัดหาเครื่องบินขับไล่เอฟ-16 ให้ แต่ต้องเป็นส่วนหนึ่งของแผนการริเริ่มขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ส่วนอเมริกาประกาศเมื่อวันศุกร์ (10 ก.พ.) ว่าทุกประเทศสามารถตัดสินใจอย่างอิสระเรื่องการส่งเครื่องบินรบของตะวันตกให้ยูเครน
ส่วนอังกฤษนั้น หลังจากนายกรัฐมนตรีริชิ ซูนัค กล่าวระหว่างแถลงข่าวร่วมกับเซเลนสกีที่เดินทางไปเยือนเมื่อวันพุธ (8 ก.พ.) ว่า “ไม่ได้ตัดสิ่งใดออกไป” เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการบริจาคเครื่องบินขับไล่อาร์เอเอฟให้เคียฟ แต่วันรุ่งขึ้น (9 ก.พ.) เบน วอลเลซ รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ กลับย้ำว่า การจัดส่งเครื่องบินรบให้ยูเครนอาจเป็นไปได้หลังจากความขัดแย้งยุติลง และสำทับว่า อาร์เอเอฟมีความซับซ้อนมากเพราะต้องฝึกฝนทั้งวิศวกรและนักบิน เฉพาะนักบินนั้นต้องใช้เวลาฝึก 6-9 เดือน
เบน ฮอดเจส อดีตผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ ในยุโรป กล่าวว่า เครื่องบินรบอาจมีบทบาทสำคัญในการเผด็จศึกของยูเครนภายใน 1 ปี แต่หากไม่มี อาจต้องใช้เวลา 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับระดับการสนับสนุนของตะวันตก
