“ไบเดน” แถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาในค่ำวันอังคาร (7 ก.พ.) แบบมุ่งปูทางลงเลือกตั้งสมัยสอง โชว์ผลงานเศรษฐกิจ-แก้ภาวะเงินเฟ้อ พร้อมเน้นไฮไลต์อื่นๆ เป็นต้นว่าอัตราว่างงานต่ำสุดในรอบกว่าครึ่งศตวรรษ การเปิดประเทศอีกครั้งหลังยุติมาตรการควบคุมโควิด รวมถึงการปกป้องระบอบประชาธิปไตย พร้อมกันนี้เขายังเรียกร้องให้พรรครีพับลิกันร่วมมือเพิ่มเพดานหนี้เพื่อป้องกันประเทศผิดนัดชำระหนี้ ทว่าเจอฝ่ายขวาจัดของพรรคฝ่ายค้านพรรคนี้ที่เพิ่งกลับมายึดสภาล่างไปได้สำเร็จ ส่งเสียงโห่ฮาตลอด
ในการแถลงนโยบายประจำปี หรือ State of the Union เมื่อวันอังคาร (7 ก.พ.) ต่อการประชุมร่วมของรัฐสภา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับจากพรรครีพับลิกันชนะการเลือกตั้งกลางเทอมและเข้าควบคุมสภาผู้แทนราษฎรได้ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เรียกร้องให้สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาร่วมมือกับเขาเพื่อเพิ่มเพดานการกู้หนี้ของรัฐบาลเป็น 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ จะได้หลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ ทั้งนี้ที่ผ่านมาทำเนียบขาวระบุว่า ไบเดนจะไม่ยอมต่อรองประเด็นสำคัญจำเป็นนี้ ขณะที่รีพับลิกันต้องการให้รัฐบาลตัดลดงบประมาณลงมา เพื่อแลกกับการสนับสนุน
นอกจากนี้ไบเดนยังเรียกร้องให้ปฏิรูปตำรวจ หลังจากชายผิวดำ ไทร์ นิโคลส์ ถูกตำรวจในเมมฟิส รัฐเทนเนสซี รุมซ้อมจนเสียชีวิตเมื่อเดือนที่แล้ว โดยแม่และพ่อเลี้ยงของนิโคลส์เป็นส่วนหนึ่งของแขกที่ทางคณะผู้นำสหรัฐฯ เชิญเข้าร่วมฟังการแถลงนโยบาย
ไฮไลต์สำคัญในการแถลงนโยบายนานกว่าชั่วโมงครั้งนี้ ซึ่งมองกันว่าน่าจะเป็นองค์ประกอบสำคัญในแคมเปญรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของไบเดน คือการโชว์ผลงานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่โดดเด่นด้วยตัวเลขการจ้างงานใหม่ 12 ล้านตำแหน่ง และอัตราว่างงานประจำเดือนมกราคมที่ลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 54 ปี ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น การยกเลิกมาตรการควบคุมโควิดและเปิดประเทศ รวมทั้งการที่ระบอบประชาธิปไตยสามารถรอดพ้นจากการคุกคามใหญ่ที่สุดนับจากสงครามกลางเมือง
เช่นเดียวกับตอนที่เป็นเพียงผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปี 2020 และในการปราศรัยเข้ารับตำแหน่งในปี 2021 ซึ่งเกิดขึ้นหลังเหตุม็อบบุกโจมตีอาคารรัฐสภาในวันที่ 6 มกราคมไม่นาน ไบเดนกล่าวว่า เขาต้องการให้ประเทศเป็นเอกภาพ พร้อมเน้นย้ำกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันก็หยอกเย้าสมาชิกพรรครีพับลิกันในรัฐสภาที่ขัดขวางกฎหมายนี้
ทั้งนี้ ตลอดการปราศรัยของเขา พวกสมาชิกรัฐสภาบางคนของรีพับลิกันเองโดยเฉพาะกลุ่มขวาจัดและเป็นสาวกของโดนัลด์ ทรัมป์ ก็แสดงการโห่ฮา ตะโกนแทรกขัดคอ และทำท่าล้อเลียนอยู่เป็นระยะๆ
ไบเดนยังโจมตีบริษัทน้ำมัน ตลอดจนพวกบริษัทยาที่ตักตวงกำไรจากวิกฤตโรคระบาด และกล่าวถึงข้อเสนอทางเศรษฐกิจของเขาที่หลายๆ ข้อไม่มีแนวโน้มสามารถผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาชุดนี้ได้ ซึ่งรวมถึงการจัดเก็บภาษีมหาเศรษฐี และการขึ้นภาษีการซื้อหุ้นคืน 4 เท่าตัว
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ไบเดนทุ่มเทความพยายามเป็นอย่างมาก แต่ตัวเขาเองยังคงไม่ได้รับความนิยมจากประชาชนเท่าที่ควร
คะแนนนิยมของประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ขยับขึ้นแค่ 1% เป็น 41% ในการสำรวจความคิดเห็นของรอยเตอร์/อิปซอสส์ที่สิ้นสุดเมื่อวันอาทิตย์ (5) ซึ่งใกล้เคียงคะแนนนิยมต่ำที่สุดที่เขาเคยได้ โดยชาวอเมริกัน 65% เชื่อว่าประเทศกำลังเดินผิดทาง เทียบกับ 58% เมื่อปีที่แล้ว และเท่ากับที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เคยได้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2020
หลังจากการแถลงนโยบายประจำปีของประธานาธิบดีผ่านพ้นไป ทางฝ่ายค้านซึ่งเวลานี้คือพรรครีพับลิกันได้จัดการแถลงตอบโต้ตามธรรมเนียม โดยปีนี้ผู้เป็นตัวแทนของรีพับลิกัน ได้แก่ ซาราห์ ฮักคาบี แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาวในสมัยทรัมป์ ซึ่งเพิ่งได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอส์ในการเลือกตั้งกลางเทอมเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยเธอวิจารณ์คำปราศรัยของไบเดนว่า สะท้อนอุดมการณ์ซ้ายสุดโต่ง และยังเป็นการโจมตีเสรีภาพและสันติภาพของคนอเมริกันที่รักชาติ
แต่สำหรับพวกสมาชิกเดโมแครตต่างยกย่องวิสัยทัศน์ของไบเดน และมองว่า การปราศรัยนี้เป็นการสื่อสารกับครอบครัวอเมริกันชนโดยตรงโดยเฉพาะชนชั้นกลางที่เป็นผู้ใช้แรงงาน ขณะที่บรรดาผู้ช่วยของไบเดนชี้ว่า เป็นหลักกิโลสำคัญก่อนแคมเปญหาเสียงลงสมัครสมัยที่สองที่คาดว่า จะมีการประกาศในไม่กี่สัปดาห์นี้
ทั้งนี้ หากได้รับเลือกตั้ง ไบเดนที่มีอายุครบ 80 ปีเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จะเข้ารับตำแหน่งสมัยที่ 2 ด้วยอายุ 82 ปี ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงจำนวนมากวิตกกังวล แม้กระทั่งพวกที่สนับสนุนพรรคเดโมแครตบางคน
นอกจากนั้นยังเป็นที่น่าสังเกตว่า ไบเดนกล่าวถึงนโยบายต่างประเทศน้อยมาก โดยกว่าที่จะพูดถึงยูเครนครั้งแรกก็ผ่านไปแล้วเกือบชั่วโมง ทั้งนี้เขาให้สัญญาว่า จะสนับสนุนยูเครนเพื่อรับมือกับรัสเซียนานเท่าที่จะทำได้
ส่วนจีนถูกพาดพิงถึงหลังจากนั้น โดยประมุขทำเนียบขาวประกาศว่า จะตอบโต้เมื่อใดก็ตามที่อธิปไตยของประเทศถูกคุกคาม เช่น ด้วยการยิงบอลลูนจีนที่เชื่อว่า มีจุดประสงค์ซ่อนเร้นในการสอดแนมตกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)