สงครามรัสเซีย-ยูเครนมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้ง หลังจากที่เยอรมนีประกาศในวันพุธ (25 ม.ค.) เปิดทางบรรดาชาติยุโรปส่งรถถังเลพเพิร์ด 2 (Leopard-2) ให้ยูเครน ขณะที่สหรัฐอเมริกาก็ตัดสินใจยอมมอบรถถังเอ็ม 1 เอบรามส์ (M-1 Abrams) ให้เคียฟเช่นกัน ท่ามกลางเสียงเตือนจากรัสเซียว่าการกระทำของชาติตะวันตกในครั้งนี้เท่ากับยั่วยุให้สงครามทวีความรุนแรงขึ้นอีก
รัฐบาลยูเครนพยายามรบเร้ามานานหลายเดือนให้ชาติยุโรปส่งมอบรถถังหลักที่มีอานุภาพการยิงและการป้องกันที่สูงขึ้น โดยเชื่อว่าหากได้ยานพาหนะเหล่านี้มาช่วยจะทำให้กองทัพยูเครนสามารถทะลุทะลวงฝ่าแนวรบของรัสเซีย และช่วงชิงดินแดนกลับคืนมาได้มากขึ้น
ล่าสุด นายกรัฐมนตรี โอลาฟ ชอลซ์ แห่งเยอรมนีประกาศจะส่งรถถังเลพเพิร์ด 2 จำนวน 14 คัน จากในคลังแสงของเยอรมนีเองให้ยูเครน และยังอนุญาตให้ชาติยุโรปที่มีรถถังชนิดนี้อยู่ส่งมันให้เคียฟได้ด้วย โดยเป้าหมายหลักคือการจัดตั้งกองพันรถถังเลพเพิร์ดจำนวน 2 กองพันให้ยูเครน ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นได้ภายใน 3-4 เดือนข้างหน้านี้
“เยอรมนีพร้อมจะที่ยืนอยู่หน้าสุดเสมอในการช่วยเหลือยูเครน” ชอลซ์ แถลงต่อรัฐสภาที่กรุงเบอร์ลิน ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้อง
ด้านประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนได้โทรศัพท์ไปขอบคุณ ชอลซ์ ด้วยตัวเอง พร้อมกล่าวว่า “รู้สึกสำนึกในบุญคุณของท่านนายกฯ และเพื่อนทุกคนในเยอรมนี”
ความเคลื่อนไหวของเยอรมนีถือเป็นการปลดล็อกหนึ่งใน “ข้อห้าม” อย่างท้ายๆ ในการที่ตะวันตกจะช่วยเหลือยูเครน ซึ่งก็คือการส่งมอบอาวุธที่โดยปกติจะใช้เพื่อจุดประสงค์ในการรุกราน (offensive) มากกว่าการป้องกันตนเอง (defensive)
ดมิโตร คูเลบา รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศยูเครน ออกมาทวีตข้อความว่า “พันธมิตรรถถังได้ถูกจัดตั้งขึ้นแล้ว ใครที่เคยสงสัยคงจะได้เห็นแล้วว่า สำหรับยูเครนและประเทศหุ้นส่วนนั้นไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้”
“ผมขอเรียกร้องให้ประเทศหุ้นส่วนอื่นๆ ที่มีรถถังเลพเพิร์ด 2 โปรดเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรนี้ และจัดส่งมันให้เราให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
สถานทูตรัสเซียประจำกรุงเบอร์ลินแถลงว่า รัฐบาลเยอรมนี “ได้ทำการตัดสินใจที่อันตรายอย่างยิ่ง” ซึ่งถือเป็นการ “ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด” และอาจจะดึงเยอรมนีเข้าสู่สงครามในที่สุด ขณะที่ ชอลซ์ ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าว “ไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอน”
คำแถลงของเยอรมนียังเป็นการเปิดไฟเขียวให้ทุกประเทศสามารถทำตามคำมั่นสัญญาต่อยูเครนในการส่งมอบรถถังเลพเพิร์ด ซึ่งเป็นรถถังประจัญบานหลักที่เยอรมนีผลิตและส่งออกให้บรรดาชาติพันธมิตรแล้วนับพันๆ คัน
ฟินแลนด์และโปแลนด์เป็น 2 ประเทศที่ประกาศว่าพร้อมจะส่งรถถังเลพเพิร์ดให้ยูเครนหากเยอรมนีไม่ขัดข้อง ขณะที่สเปนและเนเธอร์แลนด์ก็เตรียมพิจารณาทางเลือกดังกล่าว เช่นเดียวกับนอร์เวย์ที่เริ่มมีการหารือประเด็นนี้แล้วเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลอังกฤษได้ประกาศจะส่งรถถังชาลเลนเจอร์ (Challengers) ซึ่งเป็นรถถังหลักของกองทัพอังกฤษ จำนวน 14 คันให้เคียฟ ส่วนฝรั่งเศสก็กำลังพิจารณาจะส่งรถถัง Leclerc ให้ด้วย
สำหรับเลพเพิร์ด 2 เป็นรถถังประจัญบานหลักรุ่นที่ 3 ของกองทัพเยอรมนีที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยบริษัท เคราส์-มัฟไฟ (Krauss-Maffei) ในช่วงทศวรรษ 1970 และเริ่มนำมาใช้งานในกองทัพเยอรมนีตั้งแต่ปี 1979 เพื่อทดแทนรถถังเลพเพิร์ด 1 ที่เป็นรุ่นเก่ากว่า
รถถังรุ่นนี้ถูกผลิตออกมาแล้วมากว่า 3,500 คันตั้งแต่ปี 1978 และปัจจุบันยังถูกใช้งานในกองทัพชาติยุโรปอื่นๆ อีกอย่างน้อย 13 ประเทศ รวมถึงพันธมิตรนอกยุโรป เช่น แคนาดา ชิลี อินโดนีเซีย และสิงคโปร์
อาวุธหลักของรถถังรุ่นนี้คือปืนใหญ่ลำกล้องเรียบขนาด 120 มม. ที่สามารถโจมตีเป้าหมายได้ไกลถึง 5 กิโลเมตร ส่วนระบบอาวุธรองได้แก่ปืนกลขนาด 7.62 มม. จำนวน 2 กระบอก ตัวรถมีน้ำหนักประมาณ 62.3 ตัน สมรรถนะของเครื่องยนต์คือ 1,500 แรงม้าซึ่งช่วยให้สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 45 ไมล์ต่อชั่วโมง และมีพิสัยทำการระหว่าง 280-340 ไมล์
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้แถลงยืนยันอย่างเป็นทางการในวันพุธ (25) ว่าจะมอบรถถังหนัก เอ็ม 1 เอบรามส์ จำนวน 31 คัน รวมมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 13,000 ล้านบาท ให้แก่ยูเครนภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งถือว่าสอดรับกับท่าทีของเยอรมนีที่เคยออกมาพูดว่าจะยอมส่งรถถังเลพเพิร์ดให้ยูเครนก็ต่อเมื่อสหรัฐฯ ส่งรถถังเอบรามส์ด้วยเช่นกัน
การตัดสินใจของวอชิงตันและเบอร์ลิน มีขึ้นในขณะที่บรรดาพันธมิตรกำลังช่วยเหลือยูเครน เตรียมพร้อมในความเป็นไปได้ที่จะเปิดปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
"สิ่งที่รัสเซียคาดหวังก็คือพวกเราจะแตกคอกันเอง ทว่าพวกเราเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์และโดยสิ้นเชิง” ไบ เดน เอ่ยถึงความเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐฯ กับยุโรป
รัสเซียระบุว่า การที่ชาติตะวันตกแห่ประเคนรถถังหนักและอาวุธอื่นๆ ให้ยูเครนนั้นไม่มีความหมาย และทำได้เพียงแค่ “ชะลอ” ชัยชนะของรัสเซียเท่านั้น
อนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เตือนว่าการที่วอชิงตันจะส่งมอบรถถังเอบรามส์ให้ยูเครนถือเป็นการยั่วยุอย่างรุนแรง ขณะที่ ดมิตรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ชี้ว่ารถถังรุ่นใดก็ตามที่สหรัฐฯ ส่งให้ยูเครน สุดท้ายก็จะถูก “เผาจนมอดไหม้” ไม่ต่างไปจากอาวุธอื่นๆ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การส่งรถถังเอบรามส์ให้ยูเครนตอนนี้ “อาจยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม” เนื่องจากเป็นยานพาหนะทางทหารที่ราคาสูงและมีระบบปฏิบัติการซับซ้อน จำเป็นต้องใช้เวลาฝึกฝนกำลังพลนานพอสมควร ขณะที่นักวิจารณ์บางคนแย้งว่านี่คือช่วงเวลาเหมาะที่สุดแล้ว เนื่องจากรัสเซียมีแนวโน้มที่จะเรียกระดมพลเพื่อเปิดปฏิบัติการโจมตียูเครนรอบใหม่เร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม อดีตเจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ ให้ข้อมูลกับ CNN ว่า การส่งมอบรถถังเอบรามส์จะเป็นไปในลักษณะของการช่วยเหลือ “ระยะยาว” มากกว่า ซึ่งหมายความว่ายูเครนจะยังไม่ได้รับรถถังรุ่นดังกล่าวในเร็วๆ นี้ เพราะจะต้องมีการเตรียมแผนฝึกซ้อมและบำรุงรักษาอย่างรอบคอบ ซึ่งอาจกินระยะเวลาหลายเดือน
“จะยังไม่มีรถถัง (เอบรามส์) ถูกส่งไปสนามรบจริงในสัปดาห์หน้า หรือเดือนหน้าแน่นอน” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเผย พร้อมชี้ว่าท่าทีเปิดกว้างของสหรัฐฯ นั้นมีจุดประสงค์หลักเพื่อให้เยอรมนีรู้สึกสบายใจที่จะอนุมัติส่งออกรถถังเลพเพิร์ดให้ยูเครนมากกว่า