นับเป็นคู่รักแห่งโศกนาฏกรรมโดยแท้ ในเมื่อหญิงนักบินผู้ช่วยแห่งไฟล์มรณะของ เยติ แอร์ไลน์ ซึ่งเพิ่งโหม่งพสุธาในเนปาลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (15 มกราคม 2023) และเป็นเหตุให้ผู้โดยสารกับลูกเรือต้องเสียชีวิตไปอย่างน้อย 70 ราย ที่แท้นั้น เคยเป็นภรรยาหม้ายของอดีตกัปตันเนปาล สายการบินเดียวกัน ซึ่งเสียชีวิตในเหตุการณ์เครื่องบินตกเมื่อ 16 ปีที่แล้ว ทั้งนี้ ลูกโทนของอดีตนักบินทั้งสองน่าจะบอบช้ำอย่างที่สุดจากการสูญเสียทั้งคุณพ่อและคุณแม่ด้วยเหตุวิบัติแบบเดียวกัน
นักบินผู้ช่วยอันจู คาตีวาดา เข้าร่วมทีมนักบินของสายการบินเยตี แอร์ไลน์ แห่งเนปาล ตั้งแต่ปี 2010 หรือก็คือสี่ปีหลังจากที่สูญเสียสามี นามว่า กัปตันดีภักดิ์ โปคเรล ในหายนะเครื่องบินร่วงกระแทกพสุธาไฟลุกท่วมทั้งลำในปี 2006 รอยเตอร์และบีบีซีรายงาน
เมื่อวันอาทิตย์ที่เกิดโศกนาฏกรรมที่ย่อยยับที่สุดของเนปาล คาตีวาดา นั่งประจำเก้าอี้นักบินที่สองของอากาศยาน ATR-72 อันเป็นเครื่องบินโดยสารของเยตี แอร์ไลนส์ เที่ยวบิน 691 จากกรุงกาฐมาณฑุ และแล้วเหตุร้ายที่ละม้ายกับสถานการณ์ซึ่งคร่าชีวิตของกับตันดีภักดิ์ โปคเรล ก็เกิดขึ้น
ในช่วง 10 วินาทีก่อนที่เครื่องบินซึ่งขับเคลื่อนโดยการช่วยควบคุมของ คาตีวาดา จะแตะรันเวย์ของสนามบินเมืองโปขระอันเป็นจุดหมายปลายทางนั้น ได้เกิดการเสียการทรงตัวอย่างปุบปับ เอียงวูบ และส่ายไปมา แล้วถลาดิ่งลงกระแทกหุบเขาลึก พร้อมกับระเบิดไฟลุกท่วมเป็นจุณ ดับอนาคตของผู้โดยสารและลูกเรือกว่า 70 ราย พร้อมกับกลายเป็นหายนะทางการบินครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 30 ปีของเนปาล
ทั้งนี้ ผู้โดยสารรวมทั้งหมด 68 คน และลูกเรืออีก 4 คนนั้น อาจเป็นกรณีตายยกลำ เพราะที่ผ่านมายังไม่พบผู้รอดชีวิตเลย
โฆษกของสายการบินเยตี แอร์ไลนส์ สุดาร์ชาน บาร์ตาอูลา เป็นผู้ยืนยันข้อมูลว่าสามีของนักบินผู้ช่วยคาตีวาดา คือกัปตันของเยตี แอร์ไลน์ ที่เสียชีวิตไปในเหตุการณ์เมื่อ 16 ปีที่แล้ว เมื่อเครื่องบินทวิน ออตเตอร์ ซึ่งบรรทุกข้าวสารและอาหารต่างๆ ไปยังเมืองจัมลา ประสบหายนะดิ่งลงขยี้กับแผ่นดินและเกิดไฟลุกไหม้เผาผลาญสังหารทุกคนบนเครื่องรวม 9 ราย บีบีซีรายงาน
เส้นทางชีวิตก่อนประสบไฟล์ทมรณะในทำนองเดียวกับที่อดีตกัปตันผู้เป็นสามีต้องเผชิญมาก่อน
หลังสูญเสียเสาหลักของบ้านโดยได้รับเงินชดเชยจากกรมธรรม์ประกันชีวิตของสามีผู้ล่วงลับ อันจู อ้างว้างทุกข์ตรมและซับน้ำตาอยู่กับลูกตัวน้อยผู้เป็นเสมือนตัวแทนของอดีตกัปตันดีภักดิ์ บีบีซีเล่าไว้อย่างนั้น
หลายปีต่อมา ความขมขื่นทั้งปวงได้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนให้เธอลุกขึ้นเริ่มต้นชีวิตใหม่ โดย อันจู เลือกที่จะเข้าสู่เส้นทางแห่งการเป็นนักบิน เธอเอาชนะอุปสรรคมากมายได้ลุล่วง พร้อมกับตัดสินใจใช้เงินชดเชยจากบริษัทประกันชีวิตส่งเสียตนเองเข้าศึกษาในโรงเรียนการบินที่สหรัฐอเมริกา จนกระทั่งสำเร็จและมีคุณสมบัติเพียงพอแก่สมัครเข้าเป็นนักบินอาชีพ
เธอได้เข้าร่วมงานกับสายการบินเยตีแอร์ไลนส์ในปี 2010 และได้ติดปีกขึ้นฟ้าสมความมุ่งมาดปรารถนา โดยเป็นหนึ่งในนักบินหญิง 6 รายของเยตี บีบีซีรายงาน
“เธอเป็นผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยวครับ เธอยืนยันฟันฝ่าให้แก่ความใฝ่ฝันของตนเอง พร้อมกับนำพาให้ความใฝ่ฝันของสามีบรรลุผลได้สำเร็จ” กล่าวโดย ซานโตช ชาร์มา สมาชิกครอบครัวของนักบินผู้ช่วยอันจู คาตีวาดา
“คุณคาตีวาดาเอาเงินประกันชีวิตที่ได้รับจากการเสียชีวิตของสามี มาเป็นค่าใช้จ่ายในการเข้ารับการฝึกอบรมเพื่อเป็นนักบินน่ะครับ” สุดาร์ชาน บาร์ตาอูลา โฆษกสายการบินเยตีแอร์ไลนส์อย่างนั้น นิวยอร์กโพสต์รายงาน
“เธอเคยบินเป็นกัปตันในหลายภารกิจของสายการบินแบบโซโลไฟล์ทมาแล้วครับ เธอเป็นผู้หญิงที่ใจคอกล้าหาญ” โฆษกสายการบินกล่าวอยู่ในรายงานของบีบีซี
นิวยอร์กโพสต์รายงานด้วยว่า นักบินผู้ช่วยคาตีวาดา มีศักยภาพและประสบการณ์ไม่ใช้น้อยๆ เลย เธอคร่ำหวอดกับการบังคับเครื่องบินเนิ่นนานมากกว่า 6,400 ชั่วโมงบิน นอกจากนั้นเที่ยวบินระหว่างกาฐมาณฑุ กับ โปขระ อันเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของเนปาลซึ่งถือเป็นเส้นทางที่นักท่องเที่ยวให้ความนิยมกันมาก ก็เป็นเที่ยวบินที่เธอเคยบินมาก่อน แม้สนามบินใหม่แห่งนี้เพิ่งเปิดให้บริการมาได้ครึ่งเดือนเท่านั้น
ในท่ามกลางซากของเครื่องบินแห่งไฟล์ท 691 อันกระจัดกระจายเกลื่อนไปตามฝั่งแม่น้ำเซตี แห่งหุบเขาลึก เซตี กอร์จ แลเสมือนของเล่นที่ถูกฉีกทึ้งย่อยยับ มีซากชิ้นใหญ่ๆ ของลำตัวเครื่องปรากฏให้เห็นเป็นหย่อมๆ โดยที่แนวกรอบหน้าต่างยังผนึกแน่น และแลเห็นได้ถนัดตาในส่วนของแถบสีเขียวกับแถบสีเหลืองอันเป็นโลโก้ของสายการบิน
ในการนี้ ร่างไร้วิญญาณของกัปตันคามาล เค.ซี. นักบินที่หนึ่งของไฟล์ทมรณะ เจ้าของสถิติความชำนาญด้วยชั่วโมงบินมากกว่า 21,000 ชั่วโมงบิน ถูกกอบกู้ออกมาได้แล้ว ณ จุดที่เครื่องบินตก และได้รับการยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว
แต่สำหรับนักบินผู้ช่วยคาตีวาดา ผู้หมดบุญ ณ วัยเพียง 44 กะรัต และจำต้องพลัดพรากจากลูกๆ ทั้งสองนั้น ยังเป็นกรณีสูญหาย เพราะในบรรดา 70 ร่างที่กอบกู้ออกมา ยังไม่มีร่างใดที่ระบุได้ว่าเป็นเธอ ทั้งนี้ ฝ่ายต่างๆ คาดว่าเธอน่าจะเสียชีวิตแล้ว รอแต่ว่าจะเมื่อใดที่จะมีการพบร่างของเธอ โฆษกของเยตี แอร์ไลนส์ ให้ข้อมูลไว้กับรอยเตอร์
“เมื่อวันอาทิตย์ เธอบินเครื่องบินลำนั้นด้วยกันกับนักบินอาจารย์ซึ่งเป็นนักบินที่หนึ่ง ซึ่งเป็นไปตามแนวปฏิบัติมาตรฐานของสายการบิน” กล่าวโดยเจ้าหน้าที่เยตี แอร์ไลนส์รายหนึ่งซึ่งรู้จักมักคุ้นกับ คาตีวาดา เป็นการส่วนตัว
เจ้าหน้าที่รายเดียวกันนี้เล่าด้วยว่า “เธอเป็นคนที่พร้อมเข้ารับผิดชอบหน้าที่ และพร้อมดำเนินภารกิจต่างๆ อยู่เสมอ และก็เคยบินไป โปขระ มาก่อนแล้วด้วย” นิวยอร์กโพสต์รายงานอย่างนั้น
ทั้งนี้ หลังจากจากกัปดันดีภักดิ์ล่วงลับไปนานระยะหนึ่ง แม่หม้ายอันจูมีการสมรสใหม่ และมีบุตรคนที่สองพร้อมกับสร้างอาชีพของตนเอง
เพื่อนๆ ตลอดจนครอบครัวบอกว่า อันจู ซึ่งเป็นผู้ที่ใครได้ใกล้ชิดจะรู้สึกดีและรื่นรมย์นั้น หลงรักงานของตนเอง ตลอดจนเปี่ยมด้วยความสุขขณะปฏิบัติงาน
ข้อมูลที่ปรากฏในคลิปแสดงให้เห็นว่าเครื่องบินแบบ ATR-72 สองใบพัด ที่ คาตีวาดา เป็นนักบินผู้ช่วยนั้น มีอาการเอียงวูบและส่ายไปมา ก่อนจะดิ่งลงสู่หุบเขาลึกใกล้สนามบินของเมืองโปกขระ อันเป็นสนามบินที่เพิ่งเปิดใช้งานใหม่ๆ พร้อมกันนั้นก็เกิดไฟลุกท่วม ทั้งนี้ เป็นข้อมูลตามปากคำของผู้เห็นเหตุการณ์หลายราย และจากคลิปวิดีโอบันทึกเหตุการณ์สยองขวัญซึ่งมีการโพสต์ขึ้นบนโซเชียลมีเดีย
ทีมค้นหาและกู้ภัยของเนปาลสามารถกู้กล่องดำจากซากเครื่องบินมรณะได้แล้วทั้ง 2 กล่องเมื่อวันจันทร์ (16) อันได้แก่ กล่องบันทึกเสียงภายในห้องนักบิน และกล่องบันทึกข้อมูลเที่ยวบิน กล่องดำน่าจะช่วยทีมงานสอบสวนได้มากในการวินิจฉัยสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินลำนี้ตก โดยคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่าปัจจัยด้านสภาพอากาศในขณะเกิดโศกนาฏกรรม น่าจะไม่ใช่สาเหตุที่เกี่ยวข้อง เพราะในตอนเกิดเหตุเป็นช่วงกลางวันยังไม่ถึงเวลา 11.00 น.ดี และชั้นบรรยากาศก็อยู่ในสภาพสว่างสดใส
ด้านจากันนาถ นิราอูลา โฆษกของสำนักงานการบินพลเรือนของเนปาลแถลงว่า กล่องดำทั้งคู่นี้จะถูกส่งต่อไปให้ทีมเจ้าหน้าที่สอบสวน
โอกาสที่จะวิเคราะห์ได้ถึงสาเหตุแห่งหายนะน่าสลดใจครั้งนี้นับว่ามีสูง เพราะกล่องดำทั้งสองยังอยู่ในสภาพดี เทคนาถ สิตาอูลา เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งของสนามบินกาฐมาณฑุ เป็นผู้ยืนยันในเรื่องนี้ไว้กับรอยเตอร์ โดยจะมีการนำส่งกล่องดำทั้งคู่ไปตรวจวิเคราะห์ ตามคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิต ซึ่งก็คือ บริษัทเอทีอาร์ ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในฝรั่งเศส ส่วนสำหรับเครื่องยนต์ของเครื่องบินลำนี้ผลิตโดยบริษัทแพรตต์แอนด์วิตนีย์ แคนาดา
เนปาลประกาศเริ่มต้นช่วงวันไว้อาลัยแห่งชาติตั้งแต่วันจันทร์ (16) โดยที่ว่าในวันนั้นพวกเจ้าหน้าที่กู้ภัยยังเร่งการกอบกู้โดยอาศัยเชือกไต่ลงไปยังหุบเขาเบื้องล่างที่ลึก 984 ฟุต เพื่อดำเนินการค้นหากันต่อไป แม้ต้องดำเนินการภายในสภาพอากาศไม่ค่อยดี มีเมฆมาก และทัศนวิสัยก็ย่ำแย่ และในที่สุด ทีมเจ้าหน้าที่สามารถค้นพบร่างผู้เคราะห์ร้ายได้อีก 2 ศพในชั่วโมงแรกๆ ของปฏิบัติการ ทำให้ยังเหลือผู้ที่สูญหายยังไม่ทราบชะตากรรมอีก 2 ราย
ลางมรณะปรากฏเมื่อราว 10.50 น. โดยมีอาการรวนเรเพียงสั้นๆ ก่อนเงื้อมมือมัจจุราชจะคร่าวิญญาณผู้คนไปแบบยกลำ
สำนักงานการบินพลเรือนของเนปาลแจ้งว่าเครื่องบินมรณะลำดังกล่าว ติดต่อกับสนามบินครั้งสุดท้าย จากจุดใกล้ๆ หุบเขาลึก เซตี กอร์จ ณ เวลาประมาณ 10.50 น. ของวันอาทิตย์ที่ชาวเนปาลทั้งประเทศตกอยู่ในความโศกสลดทุกข์ตรม
เหลืออีกไม่กี่นาทีแท้ๆ เครื่องบินลำนี้ก็จะร่อนลงเทียบท่าอากาศยานและนำพาทุกคนถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ ก็ปรากฏว่านักบินได้แจ้งขออนุญาตเปลี่ยนรันเวย์ที่จะใช้ โฆษกรายหนึ่งของสนามบินโปขระบอกกับรอยเตอร์อย่างนั้น
“นักบินได้รับอนุญาตตามที่ร้องขอ เราไม่ได้สอบถามเหตุผล เมื่อไหร่ก็ตามที่นักบินร้องขอมา เราก็จะอนุญาตให้เปลี่ยนทิศทางลงจอดได้” อนุป โจชิ โฆษกของสนามบินโปขระกล่าว
บนเส้นทางจากกาฐมาณฑุ ไปยัง โปขระ ที่อยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันตกราว 200 กิโลเมตรนี้ เครื่องบิน 2 เครื่องยนต์ เอทีอาร์ 72 จะใช้เวลาบินประมาณ 27 นาที ในการนี้ ฝ่ายต่างๆ รู้สึกในทำนองเดียวกันว่าเที่ยวบินมรณะนี้ที่มี คาตีวาดา เป็นนักบินที่สอง ไม่น่าจะต้องประสบเคราะห์กรรมใดๆ ในเมื่อปฏิบัติการก็ใกล้จะเสร็จสิ้นด้วยดีอยู่แล้ว
ในจำนวน 72 คนที่อยู่บนเที่ยวบิน มีชาวต่างประเทศรวม 15 ราย คำแถลงของสำนักงานการบินพลเรือนเนปาลระบุ พร้อมกับแจกแจงว่า เป็นชาวอินเดีย 5 ราย, รัสเซีย 4 ราย, เกาหลีใต้ 2 ราย และจากไอร์แลนด์, ออสเตรเลีย, อาร์เจนตินา, และฝรั่งเศสอีกชาติละ 1 ราย
มีผู้คนหลายร้อยคนไปรวมตัวกันอยู่ด้านนอกของโรงพยาบาล เวสเทิร์น รีเจียนอล ฮอสพิตอล ณ สถาบันสาธารณสุขและวิทยาศาสตร์โปกขระ ซึ่งเป็นสถานที่จัดเก็บศพของผู้เสียชีวิตที่กู้ขึ้นมาได้ ญาติๆ และมิตรสหายของบรรดาเหยื่อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเมืองโปกขระ พากันร้องไห้และปลอบโยนกันและกันขณะที่เฝ้ารอคอยความคืบหน้า
เนปาลเป็นประเทศแห่งการท่องเที่ยวที่อุดมความงามแห่งศิลปวัฒนธรรม และมากมายเสน่ห์ชวนหลงใหลของบรรดาเทือกเขาหนาวยะเยือกสูงทมึนเสียดฟ้า โดยที่ 8 ใน 14 ยอดเขาสูงที่สุดของโลกตั้งอยู่ที่นี่ ซึ่งรวมทั้งยอดเขาเอเวอเรสต์ สภาพอากาศของเนปาลขึ้นชื่ออย่างยิ่งในด้านความผันผวนเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจกลายเป็นสภาวการณ์อันตรายสำหรับการบิน
แต่นั่นมิใช่สาเหตุหลักเพียงประการเดียวของเหตุพิบัติด้านการบินที่เกิดขึ้นในเนปาล
บีบีซีรายงานว่าตลอดหลายๆ ปีที่ผ่านมา มีสาเหตุมากมายถูกระบุว่าเป็นต้นตอของโศกนาฏกรรมแห่งความพินาศภายในสถิติด้านความปลอดภัยที่ไม่สู้ดีของสายการบินต่างๆ ในเนปาล ซึ่งไล่เรียงได้ตั้งแต่สภาพภูมิประเทศที่ปราบเซียนมานักต่อนัก ไปจนถึงปัญหาสภาพภูมิอากาศอันแปรปรวนยากจะทำนายได้แม่นยำ
เหนืออื่นใดที่ผู้คนโจมตีเนปาลกันมากคือ ความพร้อมและความชัวร์ของเครื่องบินที่เก่าแก่สมควรแก่การปลดระวางไปนานแล้ว ตลอดจนการบังคับใช้กฎระเบียบที่ย่อหย่อน อีกทั้งจุดอ่อนต่างๆ ที่ถูกปล่อยปละละเลย บีบีซีระบุไว้อย่างนั้น
และสำหรับกรณีของเครื่องบิน ATR-72 เที่ยวบินที่ 691 นี้ มีข้อมูลเฉพาะเจาะจงจากสถานีโทรทัศน์ข่าว อินเดียทูเดย์ ระบุว่าบรรดาผู้เชี่ยวชาญเคยคัดค้านหน่วยงานภาครัฐไว้ก่อนที่จะเดินหน้าโครงการก่อสร้างสนามบินแห่งนี้ว่า ลักษณะของเทือกเขาสูง และลักษณะการกระโชกของมวลพลังลมในบริเวณพื้นที่ตั้งสนามบิน สามารถกลายเป็นปัญหาแก่นักบินในการนำเครื่องลงจอด
ดังปรากฏในคลิปโทรศัพท์มือถือของผู้โดยสารบนเครื่องมรณะ ซึ่งบันทึกภาพด้านนอกหน้าต่างและภาพภายในห้องโดยสารในช่วงนาทีท้ายๆ ก่อนจะเกิดมหาวิบัติขึ้นอย่างปุบปับ ว่าบรรยากาศในห้องโดยสารเป็นไปด้วยดี คณะผู้โดยสารกลุ่มนี้ซึ่งเป็นชาวอินเดีย 4 รายอยู่ในมู้ดที่แฮปปี้ และแล้วหายนะได้อุบัติขึ้นดังเห็นได้จากคลิปบนยูทูป ที่สถานีโทรทัศน์ข่าวอินเดียทูเดย์นำขึ้นให้ชมกันทั่วโลก ตามลิงก์นี้
บรรยายคลิป
คลิปโทรศัพท์มือถือของผู้โดยสารบนเครื่องมรณะ ซึ่งบันทึกภาพด้านนอกหน้าต่างและภาพภายในห้องโดยสารในช่วงนาทีท้ายๆ ก่อนจะเกิดมหาวิบัติขึ้นอย่างไม่คาดฝัน
ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา เนปาลมีผู้คนเสียชีวิตไปรวมเกือบๆ 350 คนในเหตุร้ายแรงต่างๆ ที่เกี่ยวกับเครื่องบินหรือเฮลิคอปเตอร์ตก นิวยอร์กโพสต์รายงาน
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: รอยเตอร์ นิวยอร์กโพสต์ บีบีซี เดอะมิร์เรอร์ อินเดียทูเดย์)