เจ้าหน้าที่ค้นหาของเนปาลในวันจันทร์ (16 ม.ค.) พบ “กล่องดำ” ทั้งกล่องบันทึกเสียงในห้องนักบินและกล่องบันทึกข้อมูลการบิน ของเครื่องบินโดยสารซึ่งตกเมื่อวันอาทิตย์ (15) ในเวลาเดียวกันก็พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้จำนวนเพิ่มเป็น 70 คน เหลือที่ยังไม่ทราบชะตากรรมอีก 2 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่ยอมรับว่า ความหวังในการพบผู้รอดชีวิตเป็นศูนย์
ข้อมูลจากกล่องดำทั้ง 2 กล่องอาจช่วยทางเจ้าหน้าที่สอบสวนวินิจฉัยสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินแบบเอทีอาร์ 72 ของสายการบินเยติ แอร์ไลน์ส ที่บรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือรวม 72 คน ตกลงแตกเป็นเสี่ยงและทำให้เกิดไฟลุกไหม้กลางหุบเขาลึกเมื่อเวลาก่อน 11.00 น. วันอาทิตย์เล็กน้อย ท่ามกลางสภาพอากาศสดใส ไม่นานก่อนที่มันจะร่อนลงจอดที่เมืองโปขระ เมืองท่องเที่ยวชื่อดังของเนปาล
เจ้าหน้าที่สนามบินกรุงกาฐมาณฑุ ซึ่งเป็นต้นทางของเที่ยวบินมรณะเที่ยวนี้เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันจันทร์ (16) ว่า กล่องดำทั้ง 2 กล่องอยู่ในสภาพดี และจะถูกส่งไปวิเคราะห์โดยอิงกับคำแนะนำของผู้ผลิต
เอทีอาร์ เป็นบริษัทที่สำนักงานใหญ่อยู่ในฝรั่งเศส ขณะที่เครื่องยนต์ของเครื่องบินลำนี้ผลิตโดยบริษัทแพรตต์แอนด์วิตนีย์ แคนาดา
สำนักงานการบินพลเรือนของเนปาล ออกคำแถลงในวันจันทร์ว่า ได้ตรวจสอบเครื่องบินแบบเอทีอาร์ 72 และเอทีอาร์ 42 ทุกลำที่กำลังใช้บินอยู่ในเนปาลตั้งแต่ที่เกิดเหตุเครื่องบินตกคราวนี้ และไม่พบว่าเครื่องบินเหล่านี้มีความผิดพลาดทางเทคนิคใดๆ
เจ้าหน้าที่ของสำนักงานผู้หนึ่งเผยว่า ปัจจุบันสายการบินหลายแห่งในเนปาลมีการใช้เครื่องบินเอทีอาร์ 72 รวม16 ลำ และเอทีอาร์ 42 รวม 3 ลำ
ในวันจันทร์ (16) พวกเจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามค้นหาผู้โดยสารที่ยังสูญหายบริเวณหุบเขาแม่น้ำเซติ ท่ามกลางทัศนวิสัยเลวร้ายเนื่องจากมีเมฆปกคลุมจำนวนมาก หลังจากเหตุเครื่องบินตกผ่านไปแล้วกว่า 24 ชั่วโมง
นาวิน อาชาร์ยา เจ้าหน้าที่ ณ ศูนย์ประสานงานการกู้ภัยที่สนามบินกาฐมาณฑุ บอกว่า พบศพเพิ่มอีก 2 ศพในวันจันทร์ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตกลายเป็น 70 คน และการค้นหาผู้ที่ยังสูญหายอยู่อีก 2 คนต้องยุติลงเมื่อความมืดย่างกรายเข้ามา โดยจะเริ่มกันอีกครั้งในวันอังคาร (17)
ขณะที่ เท็ค บาฮาดูร์ เจ้าหน้าที่อาวุโสในโปขระ กล่าวในวันจันทร์ก่อนหน้านั้นว่า เนปาลสวดมนตร์ภาวนาขอให้มีปาฏิหาริย์ แต่ยอมรับว่า ความหวังในการพบผู้รอดชีวิตเป็นศูนย์
เที่ยวบินนี้ซึ่งออกเดินทางมาจากกรุงกาฐมาณฑุไปยังโปขระโดยบรรทุกชาวเนปาล 57 คน อินเดีย 5 คน รัสเซีย 4 คน เกาหลีใต้ 2 คน และอาร์เจนตินา ไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย และฝรั่งเศสชาติละ 1 คน และถือเป็นหายนะด้านการบินครั้งเลวร้ายที่สุดของเนปาลนับจากปี 1992
สาเหตุที่ทำให้เครื่องบินลำนี้ตกยังไม่เป็นที่ทราบกัน และยังต้องรอผลการสอบสวน แต่มีคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ทางโซเซียลมีเดีย ซึ่งหน่วยงานพันธมิตรของเอเอฟพีตรวจสอบยืนยันแล้วว่าเป็นของจริง แสดงให้เห็นเครื่องบินแบบ 2 ใบพัดลำนี้กำลังบินอยู่ในระดับต่ำเหนือพื้นที่ชุมชน ก่อนเกิดการเอียงตัวอย่างฉับพลันและดิ่งวูบไปทางซ้ายอย่างรุนแรง จากนั้นก็ตามด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น
ด้านโฆษกผู้หนึ่งของสนามบินโปขระ บอกกับรอยเตอร์ในวันจันทร์ว่า ไม่กี่นาทีก่อนที่เครื่องบินลำนี้จะร่อนลงจอดในวันอาทิตย์ นักบินได้ขออนุญาตเปลี่ยนไปใช้รันเวย์อีกรันเวย์หนึ่ง
“นักบินได้รับอนุญาตตามที่ขอ เราไม่ถามเหตุผลว่าทำไม เมื่อใดก็ตามที่มีนักบินขอ เราก็อนุญาตให้เปลี่ยนทิศทางในการเข้าสู่สนามบิน” อนุป โจชิ โฆษกผู้นี้กล่าว
อุตสาหกรรมการบินของเนปาลเติบโตขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยให้บริการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างพื้นที่ที่เข้าถึงยาก รวมถึงขนส่งนักปีนเขาต่างชาติ
กระนั้น อุตสาหกรรมนี้มีปัญหาด้านความปลอดภัยอย่างรุนแรงเนื่องจากขาดแคลนการฝึกอบรมและบำรุงรักษาเครื่องบิน สหภาพยุโรป (อียู) แบนสายการบินทั้งหมดของเนปาลไม่ให้เข้าสู่น่านฟ้าเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย
ทั้งนี้ นับจากปี 2000 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบิน หรือเฮลิคอปเตอร์ตกเกือบ 350 คนในเนปาล ซึ่งเป็นที่ตั้งของภูเขาสูงที่สุดในโลก 8 ใน 14 ลูก และสภาพอากาศอาจแปรปรวนกะทันหัน ซึ่งทำให้เกิดสภาวะที่อันตรายอย่างยิ่งสำหรับการบิน
อุบัติเหตุด้านการบินครั้งเลวร้ายที่สุดในเนปาลเกิดขึ้นในปี 1992 เมื่อเครื่องบินของปากีสถาน อินเตอร์เนชันแนล แอร์ไลน์ส ตกขณะมุ่งหน้าสู่กาฐมาณฑุ เป็นเหตุให้ผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 167 คนเสียชีวิต
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า อุบัติเหตุทางอากาศมักเกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน และการสอบสวนหาสาเหตุอาจใช้เวลาเป็นเดือนหรือนานกว่านั้น
เนปาลประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศในวันจันทร์ และจัดตั้งคณะทำงานสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุรุนแรง พร้อมเสนอแนะมาตรการหลีกเลี่ยงประวัติศาสตร์ซ้ำรอยในอนาคต
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)