WHO ห่วงตัวกลายพันธุ์ XBB-1.5 ของโอมิครอน ระบาดรวดเร็วน่ากลัวในสหรัฐฯ ชักชวนประเทศต่างๆ แนะนำให้นักเดินทางโดยเฉพาะในเที่ยวบินระยะไกลสวมหน้ากากป้องกัน แต่ทำท่ายังแหยง แค่พูดอ่อยๆ ว่า ไม่ได้หมายความให้ทุกประเทศตรวจผู้เดินทางจากอเมริกาในขณะนี้ ด้านจีนย้ำแค้น สั่งยกเลิกการยกเว้นวีซ่าการเดินทางผ่านแดนสำหรับพลเมืองเกาหลีใต้และญี่ปุ่น หลังจากทั้ง 2 ชาติออกมาตรการจำกัดคนเดินทางจากจีน
ช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ เกาหลีใต้และญี่ปุ่นบังคับใช้ข้อจำกัดการเดินทางสำหรับนักเดินทางที่ออกมาจากจีนที่กำลังต่อสู้กับการระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 ขณะที่ประเทศของพวกเขาเองก็มีการระบาดในระดับสูงเช่นกัน
ในวันอังคาร (10 ม.ค.) ปักกิ่งตอบโต้มาตรการจำกัดที่ “ยอมรับไม่ได้” เหล่านั้น ด้วยการระงับการออกวีซ่าระยะสั้นให้พลเมืองเกาหลีใต้และญี่ปุ่นทั้งหมด
ต่อมา ในวันพุธ (11) สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติของจีน ก็เพิ่มมาตรการที่ระบุว่าเพื่อตอบโต้การตั้งข้อจำกัดแบบเลือกปฏิบัติต่อพลเมืองจีนของบางประเทศ ด้วยการประกาศยกเลิกการยกเว้นวีซ่าผ่านแดนหรือทรานสิตวีซ่า สำหรับพลเมืองเกาหลีใต้และญี่ปุ่น โดยให้มีผลทันที
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (8) จีนยกเลิกคำสั่งกักตัวผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนท้ายๆ ในการยกเลิกนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” ที่ปักกิ่งเริ่มผ่อนคลายอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม ภายหลังมีการประท้วงต่อต้านแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
อย่างไรก็ดี มี 10 กว่าประเทศบอกว่ามีความกังวลเกี่ยวกับระดับและผลกระทบของการระบาดของโควิดในจีน ภายหลังยกเลิกมาตรการสกัดไวรัสอันเข้มงวด จึงประกาศให้ผู้ที่เดินทางจากจีนต้องแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบ ตลอดจนข้อกำหนดอื่นๆ ถึงแม้ถูกท้วงติงจากพวกผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และสาธารณสุขหลายคนว่าเป็นมาตรการที่ไม่จำเป็น และไม่ได้ผล
ทั้งนี้ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นก็อยู่ในหมู่ประเทศเหล่านี้ด้วย โดยที่ทั้งจำกัดเที่ยวบินและกำหนดให้ตรวจโควิดเมื่อเดินทางถึง ในกรณีที่ผู้โดยสารมีผลตรวจเป็นบวกจะถูกส่งไปกักตัวและต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
ขณะที่จีนเอง ก็กำหนดให้นักเดินทางจากทุกประเทศต้องมีผลตรวจโควิดเป็นลบเช่นเดียวกัน
ในวันพุธ โตเกียวยื่นประท้วงการตัดสินใจของจีนในการยกเลิกการออกวีซ่าระยะสั้นให้พลเมืองญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ และเรียกร้องให้ปักกิ่งเปลี่ยนใจ ขณะที่ พัค จิน รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ ยืนยันว่า การตัดสินใจของโซลอิงกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ไม่ได้เลือกปฏิบัติ และสำทับว่า การตอบโต้ของจีน “น่าเสียใจมาก”
ทว่า วันเดียวกันนั้น โกลบัลไทมส์ แท็บลอยด์ที่อยู่ในเครือของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้ปกป้องการตอบโต้ของปักกิ่งว่า เป็นการรับมืออย่างตรงไปตรงมาและเหมาะสมเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากบางชาติยังคงสร้างภาพให้สถานการณ์การระบาดในจีนรุนแรงเกินจริงด้วยการออกมาตรการจำกัดเพื่อปลุกปั่นทางการเมือง
การตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันระหว่าง 3 ชาติเพื่อนบ้านเช่นนี้ สร้างความวิตกว่าอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ตัวอย่างเช่น การใช้จ่ายในต่างประเทศของนักท่องเที่ยวจีนที่มีมูลค่าถึงปีละ 250,000 ล้านดอลลาร์ก่อนวิกฤตโควิด โดยเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในการช้อปปิ้ง
ในอีกด้านหนึ่ง แคเทอรีน สมอลล์วูด เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินอาวุโสขององค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงเมื่อวันอังคาร ว่า ประเทศต่างๆ ควรแนะนำให้ผู้โดยสารในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เที่ยวบินระยะไกล สวมหน้ากากป้องกัน โดยอ้างอิงถึงการระบาดอย่างรวดเร็วของตัวกลายพันธุ์โอมิครอนสายพันธุ์ย่อยล่าสุด คือ เอ็กซ์บีบี.1.5 ในอเมริกา
สมอลล์วูดสำทับว่า ควรให้คำแนะนำนี้กับผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศที่โควิดระบาดอย่างกว้างขวาง
ทั้งนี้ เอ็กซ์บีบี.1.5 เป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนที่แพร่ระบาดเร็วที่สุดในขณะนี้ โดยพบในผู้ติดโควิด 27.6% ในอเมริกาในสัปดาห์แรกของปีนี้ และยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า สายพันธุ์ย่อยนี้ทำให้เกิดการระบาดระลอกใหม่ทั่วโลกหรือไม่ อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า วัคซีนปัจจุบันยังสามารถป้องกันการป่วยรุนแรงได้
สำหรับสายพันธุ์ย่อยที่ระบาดในจีนขณะนี้คือโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย บีเอ.5.2 และบีเอฟ.7 ซึ่งเคยระบาดในสหรัฐฯ และยุโรปมาก่อนหน้านี้ ก่อนถูก เอ็กซ์บีบี. 1.5 เข้าเทกโอเวอร์ ทั้งนี้ตามการรายงานของ WHO เมื่อต้นเดือนโดยอิงกับผลการวิเคราะห์ของศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคของจีน
สมอลล์วูดทิ้งท้ายว่า ประเทศต่างๆ จำเป็นต้องพิจารณาหลักฐานที่อิงกับการตรวจผู้โดยสารก่อนออกเดินทาง และหากต้องดำเนินการควรใช้มาตรการควบคุมการเดินทางโดยไม่เลือกปฏิบัติ พร้อมกันนั้นเธอก็ย้ำว่า นี่ไม่ได้หมายความว่า WHO แนะนำให้ตรวจผู้โดยสารจากอเมริกาในขั้นตอนนี้
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)