xs
xsm
sm
md
lg

ใครใคร่ระแวงก็ระแวงไป!! คนจีนเข้าแถวยาวต่ออายุพาสปอร์ต ขณะสื่อรัฐชี้จีนเข้าสู่“เฟสใหม่”ในสงครามไวรัส ตลาดการเงินก็คึกคักขานรับการเปิดพรมแดน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้โดยสารในเที่ยวบินจากเมืองเซียะเหมิน ของจีน เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของกรุงเทพฯ เมื่อวันจันทร์ (9 ม.ค.) ถือเป็นเที่ยวบินเที่ยวแรกจากจีนซึ่งมาถึงไทยภายหลังการเปิดประเทศใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ชาวจีนเข้าแถวยาวบริเวณด้านนอกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในกรุงปักกิ่งวันจันทร์ (9 ม.ค.) ด้วยความกระตือรือร้นที่จะต่ออายุหนังสือเดินทางของพวกตน ภายหลังทางการยกเลิกมาตรการกักกันโรคผู้เข้าประเทศเพื่อควบคุมโรคโควิด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนจีนไม่อยากออกไปท่องเที่ยวต่างแดนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

การเปิดให้ผู้เดินทางจากต่างประเทศสามารถเข้าจีนได้โดยไม่ต้องถูกกักกันโรค ที่เริ่มใช้กันตั้งแต่วันอาทิตย์ (8) ที่ผ่านมา ถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนท้ายๆ ในการยกเลิกระบบต่อสู้กับโรคร้ายแบบ “โควิดต้องเป็นศูนย์” ของจีน ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว ภายหลังเกิดกระแสการประท้วงครั้งใหญ่ทั่วประเทศจีน

ขณะรอคิวเพื่อต่ออายุพาสปอร์ตของเขาในแถวที่มีผู้ยืนกันอยู่มากกว่า 100 คน ณ เมืองหลวงของจีน หยาง เจี้ยนกั๋ว ซึ่งอายุ 67 ปีและใช้ชีวิตในวัยเกษียณ เล่าว่าเขาและภรรยาวางแผนเดินทางไปสหรัฐฯเพื่อเยี่ยมลูกสาวที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว

“เธอแต่งงานเมื่อปีที่แล้ว แต่ต้องเลื่อนพิธีฉลองออกไปก่อนเพราะเราไม่สามารถเดินทางไปร่วมได้ เราดีใจกันมากว่าตอนนี้เราไปได้แล้ว” เขากล่าวขณะยืนข้างๆ ภรรยา

การที่ปักกิ่งยกเลิกข้อกำหนดกักกันโรคผู้เดินทางเข้าจีนคราวนี้ คาดหมายกันว่าจะเป็นการกระตุ้นส่งเสริมให้ชาวจีนเดินทางไปต่างแดนไปด้วยในตัว เนื่องจากคนจีนไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะต้องลำบากเมื่อกลับประเทศ

อย่างไรก็ดี เวลานี้เที่ยวบินยังคงมีน้อย และหลายประเทศยังคงเรียกร้องให้ผู้เดินทางจากจีนต้องแสดงผลการตรวจโควิดเป็นลบ โดยที่จีนเองก็กำหนดให้ผู้ที่จะเดินทางออกจากแดนมังกรต้องแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบเช่นเดียวกัน

พวกเจ้าหน้าที่ระดับท็อปด้านสาธารณสุข และสื่อรัฐบาลจีน ต่างพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า การระบาดของโควิดเวลานี้ผ่านพ้นจุดสูงสุดแล้วในตลอดทั่วประเทศ และพวกเขาไม่ค่อยให้น้ำหนักกับความหวั่นเกรงว่าที่โรคร้ายนี้ยังคงแพร่ลามไปอย่างกว้างขวางอยู่ในเวลานี้

บทบรรณาธิการในหนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้า หรือ พีเพิลส์ เดลี่ ที่เป็นปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งออกเผยแพร่คืนวันอาทิตย์ระบุว่า “ชีวิตกำลังมุ่งหน้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง!” พร้อมสำทับว่า “วันนี้ไวรัสอ่อนแอลง แต่เราแข็งแกร่งขึ้น”

ทางด้านสำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า จีนได้เข้าสู่ “เฟสใหม่” ในการรับมือโควิด โดยอ้างอิงประสบการณ์การป้องกันไวรัส พัฒนาการของโรคระบาด และอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่ คั่น ฉวนเฉิง ผู้อำนวยการคณะกรรมาธิการสุขภาพมณฑลเหอหนาน ซึ่งเป็นมณฑลที่มีประชากรมากที่สุดอันดับ 3 ของจีน แถลงในวันจันทร์ว่า อัตราการระบาดของโควิดในมณฑลจนถึงวันที่ 6 มกราคมอยู่ที่ 89% หรือเท่ากับว่า ขณะนี้มีประชาชนราว 88.5 ล้านคน จากทั้งหมด 99.4 ล้านคน อาจติดโควิดแล้ว

ทั้งนี้ จีนรายงานยอดผู้เสียชีวิตสะสมจากโควิดจนถึงวันจันทร์อยู่ที่ 5,272 คน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสถิติการเสียชีวิตจากโรคนี้ที่ต่ำที่สุดในโลก

ทว่า องค์การอนามัยโลก (ฮู) ติงว่า จีนรายงานสถานการณ์การระบาดของโควิดต่ำเกินจริง และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพระหว่างประเทศบางรายประเมินว่า ปีนี้จะมีผู้เสียชีวิตจากโควิดในจีนมากกว่า 1 ล้านคน

กระนั้น นักลงทุนต่างเพิกเฉยต่อการคาดการณ์แง่ลบ และเดิมพันว่า การเปิดประเทศจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจมูลค่า 17 ล้านล้านดอลลาร์ของจีนและสนับสนุนแนวโน้มการเติบโตของโลก

ความหวังดังกล่าวส่งให้ราคาหุ้นในเอเชียทะยานทำสถิติสูงสุดในรอบ 5 เดือนเมื่อวันจันทร์ ขณะที่เงินหยวนของจีนแข็งค่าที่สุดนับจากกลางเดือนสิงหาคม

ราล์ฟ เฮเมอร์ส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) กลุ่มกิจการของยูบีเอส กล่าวเมื่อวันจันทร์ในงานประชุมเกรทเตอร์ไชน่าประจำปีของธนาคารว่า การยุตินโยบายโควิดเป็นศูนย์จะส่งผลแง่บวกอย่างมากต่อการใช้จ่ายภายใน และนำเสนอโอกาสมากมายสำหรับการลงทุนในจีน

อย่างไรก็ตาม สำหรับความคาดหวังที่จะได้เห็นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว-เดินทางฟื้นตัวสู่ระดับปกติน่าจะต้องใช้เวลาอีกระยะ ปัจจัยหลักคือการขาดแคลนเที่ยวบินรองรับ

ทั้งนี้ ข้อมูลของไฟลต์ มาสเตอร์ระบุว่า จีนมีเที่ยวบินระหว่างประเทศรวมทั้งขาเข้าและขาออก 245 เที่ยวเมื่อวันอาทิตย์ เทียบกับ 2,546 เที่ยวในวันเดียวกันของปี 2019 หรือลดลงถึง 91%

วันเดียวกันนั้นไชน่า นิวส์รายงานว่า รายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศของจีนประจำปีนี้ถูกคาดหมายว่า จะฟื้นตัวถึงระดับ 70-75% ของช่วงก่อนเกิดโควิด โดยสื่อของทางการรายงานว่า เฉพาะวันเสาร์ที่ผ่านมา (7) คนจีนถึง 34.7 ล้านคนออกเดินทางภายในประเทศ เพิ่มขึ้นกว่า 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับวันเดียวกันปีที่แล้ว

อย่างไรก็ดี สำหรับจำนวนการเดินทางเข้าและออกนอกประเทศในปีนี้คาดว่า จะฟื้นตัวเพียง 30-40% เท่านั้น

(ที่มา: รอยเตอร์, เอเจนซีส์)
กำลังโหลดความคิดเห็น