เควิน แมคคาร์ธี จากรีพับลิกัน ได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในวันเสาร์ (7 ม.ค.) หลังยอมอ่อนข้อให้พวกส.ส.ขวาจัดเพิ่มเติม ซึ่งก่อคำถามเกี่ยวกับความสามารถในการปกครองของพรรครีพับลิกัน
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากแคลิฟอร์เนีย วัย 57 ปี ต้องประสบความอับอายครั้งสุดท้าย หลังจาก แม็ตต์ กีตซ์ ไม่ยอมโหวตเลือกเขาในการโหวตรอบที่ 14 ในขณะที่เวลาคืบคลานเข้าสู่เที่ยงคืน กระตุ้นให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน จนทาง ไมค์ โรเจอร์ เพื่อนร่วมพรรครีกับลิกัน จำเป็นต้องออกแรงพาตัวออกไป
แม้ชัยชนะของ แมคคาร์ธี ในการโหวตครั้งที่ 15 เป็นจุดสิ้นสุดความผิดปกติในการปฏิบัติหน้าที่ของสภาคองเกรสครั้งหนักหนาที่สุดในรอบ 160 ปี แต่มันเผยให้เห็นถึงแนวโน้มความยากลำบากที่เขาจะต้องเผชิญในการเป็นผู้นำเสียงข้างมากแบบปริ่มน้ำและแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างสุดขั้ว
แมคคาร์ธี ได้รับชัยชนะในการโหวตครั้งสุดท้าย ด้วยคะแนนเสียงฉิวเฉียด 216-212 โดยเขาได้รับเลือกด้วยคะแนนโหวตของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากกว่าครึ่งหนึ่งเล็กน้อย เพราะว่าสมาชิก 6 คนของพรรครีพับลิกันของเขางดออกเสียง ไม่สนับสนุน แมคคาร์ธี เป็นผู้นำ แต่ก็ไม่โหวตเลือกผู้สมัครคนอื่นเช่นกัน
เมื่อเขาทำการทุบโต๊ะเป็นครั้งแรก แมคคาร์ธี เป็นตัวแทนแห่งการสิ้นสุดการครองเสียงข้างมากในทั้ง 2 สภาของพรรคเดโมแครตของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
"ระบบของเราสร้างบนการตรวจสอบและถ่วงดุล มันถึงเวลาที่เราจำเป็นต้องตรวจสอบและมอบสมดุลบางอย่างแก่นโยบายต่างๆ ของประธานาธิบดี" แมคคาร์ธี กล่าวในพิธีเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งได้พูดถึงเป้าหมายต่างๆ ที่เขาให้ความสำคัญลำดับต้นๆ ไล่ตั้งแต่การปรับลดการใช้จ่าย ไปจนถึงคนเข้าเมือง
การได้รับเลือกของ แมคคาร์ธี เกิดขึ้นก็เมื่อ หลังจากมีการยอมอ่อนข้อแก่ให้บรรดาสายแข้งกร้าวทั้งหลาย ว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายหนึ่งรายใดๆ สามารถขอให้ปลดเขาออกจากตำแหน่งได้ทุกเวลา ซึ่งมันจะลดอำนาจของเขาลงอย่างมากในการยับยั้งความพยายามผ่านร่างกฎหมายในประเด็นสำคัญๆ ในนั้นรวมถึงงบประมาณ จัดการเพดานหนี้ของประเทศ และวิกฤตอื่นๆ ที่อาจโผล่ขึ้นมา
ผลงานที่ไม่เข้าเป้าของสมาชิกรีพับลิกันในศึกเลือกตั้งกลางเทอมเมื่อเดือนพฤศจิกายน ซึ่งครองเสียงข้างมากได้อย่างฉิวเฉียด 222-212 เสียง ได้มอบอำนาจการต่อรองแก่พวกฝ่ายขวา ซึ่งคัดค้านก้าวขึ้นมาเป็นแกนนำของแมคคาร์ธี
การยอมอ่อนข้อต่างๆ เหล่านี้ ในนั้นรวมถึงปรับลดการใช้จ่ายลงอย่างมาก และลดทอนอำนาจอื่นๆ ของแมคคาร์ธี บ่งชี้ให้เห็นว่ามีความวุ่นวายมากกว่านี้รออยู่ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งที่สภาคองเกรสจำเป็นต้องอนุมัติอำนาจในการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ เพิ่มเติมเป็น 31.4 ล้านล้านดอลลาร์
ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา รีพับลิกันได้ชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลส่วนใหญ่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และผลักชาติผู้กู้ยืมรายใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ ยืนอยู่บนขอบเหวแห่งการผิดนัดชำระหนี้ ในความพยายามขู่เข็ญให้ปรับลดการใช้จ่ายลงอย่างมาก แต่ส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จ
พวกสายแข็งกร้าว ในนั้นรวมถึง สกอตต์ เพอร์รี ประธานกลุ่ม Freedom Caucus และชิป รอย จากเทกซัส บอกว่าการยอมอ่อนข้อที่พวกเขาบีบเค้นได้จาก แมคคาร์ธี จะทำให้พวกเขาเดินตามกลยุทธ์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น หรือขอโหวตตัดสินชะตาความเป็นผู้นำของ แมคคาร์ธี อีกรอบ หากเขาทำไม่ได้ตามที่คาดหมาย
ในส่วนของพรรคเดโมแครต ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา เตือนว่าการอ่อนข้อของ แมคคาร์ธี จะทำให้พวกสุดโต่งในพรรครีพับลิกัน จะกลับมาไล่ล่าเขาเอง และอาจกลายเป็นว่ามีความเป็นไปได้ที่สภาผู้แทนราษฎรที่รีพับลิกันครองเสียงข้างมากจะเป็นต้นเหตุของภาวะชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลและผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งจะก่อผลลัพธ์เลวร้าย
ความล้มเหลวครั้งที่ 14 ในสัปดาห์นี้ ถือเป็นจำนวนมากครั้งที่สุดของการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรนับตั้งแต่ปี 1859 ปีแห่งความวุ่นวายก่อนสงครามกลางเมือง
เวลานี้ แมคคาร์ธี มีอำนาจในการขัดขวางวาระทางกฎหมายต่างๆ ของ โบเดน บังคับโหวตในประเด็นที่รีพับลิกันให้ความสำคัญลำดับต้นๆ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ พลังงาน คนเข้าเมือง และเดินหน้าตรวจสอบไบเดน รัฐบาล และครอบครัวของเขา
(ที่มา : รอยเตอร์)