ประชาชนบางส่วนในเมืองใหญ่ๆ ของจีนอย่างปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และอู่ฮั่น ฝ่าความหนาวและการระบาดของโควิดออกไปทำกิจวัตรประจำวันตามปกติในวันจันทร์ (2 ม.ค.) ขณะที่การยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีนยังคงทำให้ประเทศจำนวนหนึ่งตระหนก และประกาศมาตรการคุมเข้มทัวร์จีน
ที่ปักกิ่ง มีผู้คนจำนวนมากออกไปเล่นเลื่อนหรือสเก็ตน้ำแข็งบนทะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็งในสวนสาธารณะทะเลสาบสือช่าไห่ ของปักกิ่ง มั่นใจกับการยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์และปรับมาใช้ยุทธศาสตร์อยู่ร่วมกับไวรัสโคโรนาตัวนี้ ที่ประกาศออกมาเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม
อย่างไรก็ดี การที่จีนยกเลิกการล็อกดาวน์และยุติการปูพรมตรวจโควิดคราวนี้ เกิดขึ้นขณะที่มีรายการการระบาดระลอกใหม่ทั่วประเทศ
กระนั้น ผู้ที่อยู่ในสวนสาธารณะผู้หนึ่งบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์อย่างยินดีว่า ตอนนี้เป็นอิสระแล้ว ไม่มีการล็อกดาวน์ ไม่ต้องคอยสแกนโค้ดเวลาไปยังสถานที่ต่างๆ กันอีกแล้ว
เช่นเดียวกับหนุ่มนักศึกษาในปักกิ่งวัย 22 ปีคนหนึ่งที่เล่าว่า เพิ่งกักตัวอยู่บ้าน 2-3 สัปดาห์หลังติดโควิด แต่ตอนนี้สามารถออกจากบ้านได้แล้วและเป็นโอกาสดีในการฉลองปีใหม่
วันจันทร์ (2) เป็นวันหยุดราชการ แต่ก็เช่นเดียวกับช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา การจราจรในกรุงปักกิ่งกลับมาคับคั่งอีกครั้ง เนื่องจากประชาชนพากันออกไปเตร็ดเตร่นอกบ้าน ถึงแม้ธุรกิจขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จำกัดบางแห่ง อย่างเช่นร้านอาหาร ยังฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าก็ตาม
แต่ที่อู่ฮั่น เมืองที่โควิดระบาดเป็นจุดแรกเมื่อ 3 ปีที่แล้วนั้น ชายแซ่อู๋คนหนึ่งที่เป็นติวเตอร์ศูนย์ฝึกอบรมเอกชนบอกว่า ผู้คนไม่กังวลอีกต่อไป ทั้งการทำงาน การใช้ชีวิต และความบันเทิงต่างกลับสู่ระดับปกติ
หลังจากผ่านพ้นปีใหม่ จะย่างเข้าสู่เทศกาลวันหยุดใหญ่ที่สุดของจีน นั่นคือตรุษจีน ซึ่งปีนี้จะเริ่มต้นในวันที่ 21 มกราคม คาดหมายกันว่า ในเทศกาลปีนี้จะมีผู้ใช้บริการเครือข่ายรถไฟถึง 5.5 ล้านคน
ขณะที่โรงแรมบางแห่งในเมืองซานย่า บนเกาะไหหลำทางภาคใต้ของจีน ถูกจองเต็มหมดแล้วสำหรับช่วงตรุษจีน
ส่วนที่ทิเบต ทางการที่นั่นเผยว่าจะเปิดพระราชวังโปตาลา ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมตั้งแต่วันอังคาร (3) หลังจากปิดมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้วเนื่องจากโควิดระบาด
ช่วงไม่กี่วันมานี้ สื่อของทางการจีนพยายามให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า การระบาดของโควิดอยู่ในระดับที่ควบคุมได้และใกล้จุดสูงสุดแล้ว
สื่อไฉซิน รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (1) โดยอ้างอิงการเปิดเผยของนักวิจัยในฮับการค้าของจีนว่า การระบาดในนครใหญ่ๆ เช่น ปักกิ่ง กวางโจว เซี่ยงไฮ้ และฉงชิ่ง ใกล้ยุติลงแล้ว แต่การระบาดตามเมืองใหญ่ที่มีขนาดเล็กลงมาในภูมิภาคอย่างมณฑลเสฉวน ส่านซี กานซู และชิงไห่ จะถึงจุดสูงสุดในช่วงครึ่งหลังของเดือนนี้
เฉพาะที่เสฉวน ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคของมณฑลบอกว่า เวลานี้ผู้พำนักอาศัยในเสฉวนกว่า 80% ติดเชื้อโควิด
อย่างไรก็ตาม บางประเทศโดยเฉพาะฝ่ายตะวันตกแสดงความสงสัยข้องใจรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตของทางการจีน ซึ่งระบุว่าในวันจันทร์มีผู้เสียชีวิตจากโควิดเพียงรายเดียว พวกเขาชี้ว่ามีความแตกต่างอย่างมากกับประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ ช่วงที่เริ่มเปิดประเทศกันอีกครั้ง รวมทั้งการที่จีนรายงานยอดผู้เสียชีวิตสะสมจากโควิดว่าอยู่ที่ 5,250 ต่ำมากๆ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
สัปดาห์ที่แล้ว แอร์ฟินิตี้ บริษัทข้อมูลสุขภาพของอังกฤษ ที่จัดตั้งขึ้นมายังไม่ครบ 10 ปี อ้างการคำนวณของตนว่า จีนอาจมีผู้เสียชีวิตจากโควิดวันละราว 9,000 คน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตสะสมนับจากวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมาอาจสูงถึง 100,000 คน และผู้ติดเชื้อ 18.6 ล้านคน
บริษัทแห่งนี้ยังคาดว่า จำนวนผู้ป่วยโควิดในจีนจะขึ้นถึงระดับสูงสุดครั้งแรกในวันที่ 13 เดือนนี้ที่วันละ 3.7 ล้านคน
ในอีกด้านหนึ่ง การยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีนคราวนี้ ถูกบางประเทศระแวงว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเกินไป และน่าจะมีมาตรการรองรับไม่เพียงพอ พวกเขาจึงเพิ่มความเข้มงวดกับนักเดินทางที่มาจากจีน
ทั้งนี้ ออสเตรเลียแถลงในวันอาทิตย์ กำหนดให้ผู้ที่เดินทางจากจีนแสดงหลักฐานการตรวจโควิดได้ผลเป็นลบก่อนเดินทางถึง โดยรัฐมนตรีสาธารณสุขออสเตรเลียแถลงว่า การที่จีนขาดแคลนข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อคือเหตุผลที่ทำให้ออสเตรเลียตัดสินใจออกข้อจำกัดการเดินทางซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพฤหัสฯ (5) เพื่อปกป้องประเทศจากความเสี่ยงของไวรัสกลายพันธุ์
ก่อนหน้านี้ แคนาดา อเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน กำหนดให้ผู้ที่เดินทางจากจีนต้องแสดงหลักฐานการตรวจโควิดและได้ผลเป็นลบหรือการตรวจโควิดหลังจากเดินทางถึง
ขณะที่โมร็อกโก กลายเป็นประเทศเดียวในโลกที่ประกาศห้ามนักเดินทางจากจีนทุกคนเข้าประเทศตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยบอกว่า “เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปนเปื้อนติดเชื้อระลอกใหม่ในโมร็อกโก ตลอดจนผลต่อเนื่องทั้งหลายทั้งปวงของการปนเปื้อนติดเชื้อนี้”
ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่ามาตรการป้องกันไว้ก่อนเหล่านั้น “เข้าใจได้” เนื่องจากจีนไม่ได้เปิดเผยข้อมูลการระบาด
ทว่า สภาสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศประจำยุโรปที่เป็นตัวแทนของสนามบินกว่า 500 แห่งใน 55 ชาติยุโรป ค้านว่า มาตรการจำกัดของประเทศเหล่านี้ไม่มีความชอบธรรม หรือไม่ได้พิจารณาโดยอิงกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจริง
ทางด้านจีนนั้น ระหว่างการปราศรัยในวาระขึ้นปีใหม่เมื่อวันเสาร์ (31 ธ.ค.) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยืนยันว่า การป้องกันและควบคุมโรคระบาดกำลังเข้าสู่ขั้นตอนใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนกำลังทำงานอย่างเต็มที่และมีความหวัง
ต่อมาในวันจันทร์ ผู้นำจีนยังเรียกร้องให้ดำเนินมาตรการที่ช่วยปกป้องชีวิตประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโควิดครั้งที่ 2 ในรอบหนึ่งสัปดาห์
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)