ทางการจีนแถลงในวันจันทร์ (19 ธ.ค.) มีผู้เสียชีวิตจากโควิด 2 ราย ถือเป็นรายงานเคสตายครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ และเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่คาดหมายกันว่าการระบาดกำลังรุนแรงมากขึ้น โดยที่ขณะเดียวกันนี้ หลายเมืองยังคงเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ตัวอย่างเช่นที่เมืองฉงชิ่ง ซึ่งอนุญาตให้ผู้ป่วยโควิดที่อาการไม่รุนแรงไปทำงานได้ตามปกติ
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (เอ็นเอชซี) รายงานว่า ผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จำนวน 2 คน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับจากวันที่ 3 เดือนนี้ หรือเพียงไม่กี่วันก่อนที่จีนจะประกาศผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ครั้งใหญ่ภายหลังมีการประท้วงทั่วประเทศเมื่อเดือนที่ผ่านมา
ผู้เสียชีวิต 2 รายในวันจันทร์ เป็นเคสแรกๆ ที่รายงานโดยคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (เอ็นเอชซี) นับจากวันที่ 3 เดือนนี้ หรือไม่กี่วันก่อนที่จีนประกาศยกเลิกมาตรการจำกัดเข้มงวดต่างๆ ซึ่งเคยช่วยควบคุมเชื้อไวรัสนี้เอาไว้ได้เป็นส่วนใหญ่มาเป็นเวลา 3 ปี ทว่าก่อให้เกิดความยากลำบากทางเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของผู้คน จนจุดชนวนให้มีการประท้วงอย่างกว้างขวางเมื่อเดือนที่แล้ว
อย่างไรก็ดี ตัวเลขคนตายขนาดนี้ทำให้หลายๆ ฝ่ายข้องใจสงสัย เป็นต้นว่า สำนักข่าวรอยเตอร์บอกว่าเมื่อวันเสาร์ (17) พวกผู้สื่อข่าวของตนพบเห็นรถบรรทุกศพเข้าคิวเป็นแถวยาวหน้าสถานฌาปนกิจแห่งหนึ่งที่ถูกกำหนดให้ใช้เผาศพผู้ป่วยโควิดในปักกิ่ง โดยที่พวกเจ้าหน้าที่พากันสวมชุดป้องกันเชื้อโรคเต็มที่ขณะนำร่างผู้เสียชีวิตเข้าไปด้านใน ทั้งนี้ รอยเตอร์ยอมรับว่าไม่สามารถยืนยันได้ในทันทีว่าผู้เสียชีวิตเหล่านั้นติดโควิดหรือไม่
ในอีกด้านหนึ่ง ตอนเช้าวันจันทร์ ปรากฏว่าแฮชแท็กรายงานผู้เสียชีวิตจากโควิด 2 คนกลายเป็นหัวข้อยอดนิยมบนแพลตฟอร์มเว่ยปั๋วอย่างรวดเร็ว โดยมีหลายคนตั้งคำถามว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นการหลอกลวงประชาชนหรือเปล่า
จำนวนของผู้เสียชีวิตที่น้อยนิดเช่นนี้นับตั้งแต่ที่มีการยกเลิกมาตรการจำกัดเข้มงวดในวันที่ 7 ธันวาคม ยังไม่สอดคล้องกับประสบการณ์ของประเทศอื่นๆ ภายหลังจากมีความเคลื่อนไหวทำนองเดียวกันนี้
แต่ในช่วงโรคระบาดใหญ่ที่ผ่านมา จีนมีผู้เสียชีวิตอันเนื่องจากโควิดน้อยมากๆ โดยตัวเลขทางการระบุว่ามีแค่ 5,237 คน ซึ่งรวม 2 รายล่าสุดนี้ด้วย จากจำนวนประชากรจีนทั้งสิ้นราว 1,400 ล้านคน กระทั่งถ้าหากว่าจำนวนนี้ต่ำว่าความเป็นจริงสัก 10 เท่าตัว ตัวเลขก็ยังถือว่าเป็นอัตราส่วนที่ต่ำอยู่ดีเมื่อเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ จำนวนมาก
ทว่า พวกผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเตือนว่า จีนอาจต้องจ่ายแพงจากการใช้มาตรการสกัดไวรัสเข้มงวดมายาวนาน เพราะทำให้ประชาชนขาดภูมิคุ้มกันหมู่ในการต้านทานโควิด ขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนในหมู่ผู้สูงวัยยังต่ำ ทั้งนี้ บางคนให้ตัวเลขอย่างน่ากลัวว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดในจีนอาจพุ่งทะลุ 1.5 ล้านคนในไม่กี่เดือนนี้
เหยินจง หวง ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขของสภาวิเทศสัมพันธ์ (ซีเอฟอาร์) ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองของอเมริกา ตั้งข้อสังเกตว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิดของทางการจีนต่ำกว่าความจริงอย่างชัดเจน ซึ่งอาจสะท้อนว่า รัฐไม่สามารถติดตามตรวจสอบสถานการณ์ของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพหลังจากยกเลิกการระดมตรวจพีซีอาร์ แต่เรื่องนี้ยังอาจเกิดจากความพยายามของจีนเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนแตกตื่นกับจำนวนผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ เอ็นเอชซีรายงานว่าในวันอาทิตย์ (18) พบผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการ 1,995 คน เทียบกับ 2,097 คนในวันเสาร์ (17)
ขณะเดียวกัน เมืองใหญ่ที่สุดหลายเมืองในจีน มีการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิดลงอีก เป็นต้นว่า อนุญาตให้ผู้ป่วยที่มีอาการเพียงเล็กน้อยไปทำงานได้ตามปกติ นับเป็นการกลับลำนโยบายโดยสิ้นเชิงจากก่อนหน้านี้ที่มีการสั่งล็อกดาวน์ประชาชนนับพันเป็นหมื่นคน แม้พบผู้ติดเชื้อเพียงรายเดียวก็ตาม
เป็นต้นว่า หนังสือพิมพ์ฉงชิ่ง เดลี่รายงานเมื่อวันจันทร์โดยอ้างประกาศของเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองฉงชิ่งที่มีประชากรราว 32 ล้านคน ว่า ลูกจ้างรัฐบาลกลาง พรรคคอมมิวนิสต์ และรัฐบาลท้องถิ่นที่ป่วยโควิดและแสดงอาการเพียงเล็กน้อยสามารถไปทำงานได้ตามปกติ แต่ต้องมีการป้องกันตนเอง และโดยพิจารณาจากสภาพร่างกายและความจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่
เทศบาลเมืองฉงชิ่งยังขอให้ประชาชนระงับใช้ชุดตรวจโดยไม่จำเป็น และยกเลิกการบังคับให้ประชาชนแสดงหลักฐานการตรวจโควิดเป็นลบ ยกเว้นสำหรับสถานที่อ่อนไหวบางแห่ง เช่น สถานฟื้นฟูดูแลผู้สูงวัย โรงเรียน และเรือนจำ
นอกจากนั้น เมื่อวันอาทิตย์ มณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกซึ่งเป็นฮับเศรษฐกิจสำคัญที่มีประชากรกว่า 60 ล้านคน ประกาศให้ผู้ป่วยโควิดที่มีอาการเล็กน้อยทำงานได้ตามปกติเช่นเดียวกัน หากมีการป้องกันตัวเองเป็นอย่างดี
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)