อากาศยะเยือกสุดขั้วจากพายุฤดูหนาวที่ปกคลุมพื้นที่กว้างขวางทั่วสหรัฐฯยังจะยังอยู่ต่อไปตลอดสัปดาห์นี้ สำนักงานพยากรณ์อากาศเตือนในวันอาทิตย์ (25 ธ.ค.) ขณะที่ประชาชนทางตะวันตกของรัฐนิวยอร์กต้องเผชิญกองหิมะขนาดใหญ่ที่ขัดขวางรถพยาบาลฉุกเฉิน และนักเดินทางทั่วอเมริกาถูกยกเลิกเที่ยวบิน ซ้ำการเดินทางด้วยถนนยังอันตรายอย่างยิ่ง โดยเวลานี้ในสหรัฐฯมีผู้เสียชีวิตจากอากาศเลวร้ายคราวนี้แล้วอย่างน้อย 34 คน นอกจากนั้น แคนาดาก็รายงานว่ามีคนตายไป 4 คน
เจ้าหน้าที่รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 34 คนตามที่ต่างๆ ตลอดทั่วสหรัฐฯ และคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตน่าจะเพิ่มขึ้นอีกเนื่องจากประชาชนบางส่วนติดอยู่ภายในบ้านโดยไม่มีไฟฟ้าใช้ ทั้งนี้ พื้นที่ซึ่งถูกพายุหนาวจัดกระหน่ำใส่อย่างเลวร้ายที่สุด ได้แก่เมืองบัฟฟาโล ทางภาคตะวันตกของรัฐนิวยอร์ก
นอกจากนั้น ยังมีรายงานผู้เสียชีวิต 4 คนในแคนาดา เมื่อรถบัสคันหนึ่งพลิกคว่ำกลิ้งไปบนถนนที่น้ำแข็งจับหนา บริเวณใกล้ๆ เมืองเมอร์ริตต์ ในรัฐบริติซโคลัมเบีย ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตกของประเทศ
สภาพอากาศยะเยือกรุนแรงสุดขั้วอย่างไม่เคยพบเห็นกันมาก่อนระลอกนี้ แผ่ปกคลุมตั้งแต่แคนาดา แผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ และลงใต้มาจนถึงแม่น้ำริโอแกรนด์เลียบชายแดนเม็กซิโก ประชากรราว 60% ของสหรัฐฯได้รับคำแนะนำหรือคำเตือนเกี่ยวกับสภาพอากาศหนาวเย็น และอุณหภูมิลดต่ำกว่าปกติตั้งแต่ด้านตะวันออกของเทือกเขาร็อกกี้จนถึงแถบเทือกเขาแอปปาเลเชียน
สำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นดับเบิลยูเอส) แถลงวันอาทิตย์ (25) ว่า อากาศยะเยือกจากขั้วโลกเหนือซึ่งกำลังปกคลุมพื้นที่จำนวนมากทางครึ่งตะวันออกของประเทศ จะ เข้าสู่ระดับอุณหภูมิสูงขึ้นพอประมาณอย่างช้าๆ
คำแถลงนี้ถือเป็นข่าวร้ายสำหรับเมืองบัฟฟาโล ซึ่งเผชิญทั้งกระแสลมแรงระดับพายุเฮอร์ริเคนและหิมะตกหนักที่ทำให้บริการฉุกเฉินต่างๆ เป็นอัมพาต
เคธี โฮชุล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ระบุว่า ภัยพิบัติด้านสภาพอากาศมรขณะนี้ถือเป็นครั้งที่เลวร้ายที่สุดที่เมืองบัฟฟาโลเคยเผชิญนับจากพายุหิมะเมื่อปี 1977 ที่มีผู้เสียชีวิตเกือบ 30 คน
โฮชุลยังขอให้ประชาชนเชื่อฟังคำสั่งห้ามใช้รถ ขณะที่สำนักงานตำรวจบัฟฟาโลโพสต์บนออนไลน์ขอความช่วยเหลือในการค้นหาและกู้ภัย โดยขอให้ประชาชนที่มีรถเล็กสำหรับแล่นบนหิมะและยินดีช่วยเหลือติดต่อสายด่วนเพื่อขอคำแนะนำ
นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ยังเผยว่า สนามบินในบัฟฟาโลจะระงับการให้บริการจนถึงเช้าวันอังคาร (27) โดยเอ็นดับเบิลยูเอสระบุว่า บริเวณท่าอากาศยานนานาชาติบัฟฟาโล ไนแอการา มีหิมะตกสูง 109 เซนติเมตรเมื่อเวลา 7.00 น. วันอาทิตย์ พร้อมเตือนว่า อาจมีหิมะทับถมสูงขึ้นอีก 30-60 เซนติเมตรในบางพื้นที่จนถึงเช้าวันจันทร์ ท่ามกลางกระแสลมแรงความเร็ว 64 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
กองหิมะขนาดใหญ่เกือบๆ คลุมรถได้ทั้งคัน ส่งผลให้ถนนหลายสายใช้การไม่ได้ และบ้านเรือนหลายพันหลังไม่มีไฟฟ้าใช้
มาร์ก โปลอนคาร์ซ ผู้บริหารเทศมณฑลเอรี รัฐนิวยอร์ก เผยว่า มีผู้เสียชีวิต 13 คนในรัฐนี้ หรือเพิ่มขึ้นจากแค่ 3 คนในเวลาชั่วข้ามคืน โดยรวมถึง 6 คนในเมืองบัฟฟาโล ทั้งนี้มีทั้งผู้ที่เสียชีวิตในรถ ในกองหิมะบนถนน ขณะที่มีประชาชนจำนวนมากติดอยู่ในรถมากว่า 2 วัน ดังนั้นจึงอาจพบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก
พายุหิมะที่รุนแรงเป็นประวัติการณ์ครั้งนี้ยังทำให้มีการยกเลิกเที่ยวบินหลายร้อยเที่ยวและยังอาจจะเพิ่มมากกว่านั้น หลังจาก บอมบ์ไซโคลน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อความกดอากาศลดลงอย่างรวดเร็วท่ามกลางพายุใหญ่ ก่อตัวขึ้นใกล้ๆ เขตเกรทเลคส์ นำไปสู่สภาวะที่ทำให้เกิดพายุหิมะรุนแรงขึ้น รวมถึงลมกรรโชกและหิมะตกหนัก
พายุยังทำให้ไฟฟ้าดับในรัฐเมน ที่อยู่ทางตะวันออกสุดของสหรัฐฯ ไปจนถึงเมืองซีแอตเทิล ในรัฐวอชิงตัน ซึ่งอยู่ทางชายฝั่งตะวันตก อย่างไรก็ตาม ระบบความร้อนและแสงสว่างกลับมาใช้งานได้แล้วทั่วอเมริกา และยังเหลือลูกค้าที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ไม่ถึง 200,000 รายเมื่อเวลา 15.00 น. วันอาทิตย์ จากช่วงพีคซึ่งมีถึง 1.7 ล้านคน
สำหรับผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับพายุ ในจุดต่างๆ ทั่วอเมริกาช่วงไม่กี่วันนี้ มีรายงานว่าที่เขตเทศมณฑลแอรี ในนิวยอร์ก มี 12 คน อายุตั้งแต่ 26-93 ปี ส่วนที่เทศมณฑลไนอาการา มี 1 รายเป็นชายหนุ่มวัย 27 ปีเสียชีวิตจากการสูดดมคาร์บอนมอนอกไซด์หลังจากหิมะตกลงมาทำให้ปล่องเตาผิงตันอุดตัน
ที่รัฐโอไฮโอมีผู้เสียชีวิต 10 คน ซึ่งรวมถึงพนักงานสาธารณูปโภคคนหนึ่งที่ถูกไฟดูด และอีกหลายคนที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชน เช่นเดียวกับที่มิสซูรี แคนซัส และเคนทักกี ที่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน 6 คน สำหรับที่รัฐเวอร์มอนต์ ผู้หญิงคนหนึ่งถูกกิ่งไม้หักตกใส่ ส่วนในโคโลราโดชายไร้บ้านหนาวตายภายใต้อุณหภูมิติดลบ และในวิสคอนซิน ผู้หญิงคนหนึ่งตกลงไปในแม่น้ำที่กลายเป็นน้ำแข็ง
ที่แจ็คสัน รัฐมิสซิสซิปปี้ เจ้าหน้าที่ประกาศในวันคริสต์มาส 25 ธันวาคม ให้ประชาชนต้มน้ำดื่ม เนื่องจากท่อประปาแตกจากสภาพอากาศหนาวจัด