พายุหิมะที่ถล่มไม่หยุด ทำประชาชนชาวอเมริกาหลายล้านคนต้องเผชิญกับคริสต์มาสที่เต็มไปด้วยอันตรายและทุกข์ยากในวันอาทิตย์ (25 ธ.ค.) หิมะตกลงมาหนาขึ้นและสภาพอากาศหนาวเหน็บปกคลุมพื้นที่ต่างๆ ทางตะวันออกของสหรัฐฯ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 26 รายแล้ว
สถานการณ์วิกฤตกำลังเกิดขึ้นในบัฟฟาโล ทางตะวันตกของนิวยอร์ก ด้วยพายุหิมะทำให้เมืองแห่งนี้อยู่ในสภาพเหมือนถูกปล่อยเกาะ หน่วยฉุกเฉินทั้งหลายเข้าไม่ถึงหลายพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วง
"พายุในบัฟฟาโลคือวิกฤตของภัยพิบัติครั้งใหญ่ และสถานการณ์เลวร้ายเหนือสถานการ์เลวร้าย" เคธี โฮชุล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ซึ่งมีพื้นเพเป็นคนบัฟฟาโล เมืองที่มีหิมะตกหนักถึง 8 ฟุต (2.4 เมตร) และเกิดไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้างท่ามกลางอุณหภูมิเย็อกแข็ง ก่อสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายกับชีวิต
ประชาชนมากกว่า 200,000 คน ในหลายรัฐทางตะวันออก ตื่นขึ้นมาพบว่าต้องอยู่โดยไม่มีไฟฟ้าใช้ในเช้าวันคริสต์มาส และหลายคนต้องล้มแผนการเดินทาง แม้พายุที่ยืดเยื้อมานาน 5 วัน อันนำมาซึ่งสภาพอากาศเลวร้ายและลมกระโชกรุนแรง ส่งสัญญาณเริ่มเบาลงแล้วก็ตาม
สภาพอากาศรุนแรงทำให้อุณหภูมิทั้ง 48 รัฐที่มีพื้นที่เชื่อมต่อกันของสหรัฐฯ ลดต่ำกว่าจุดเยือกแข็งเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวตกค้างจากการยกเลิกเที่ยวบินหลายพันเที่ยว และชาวบ้านติดค้างอยู่ภายในบ้านที่ถูกห้อมล้อมด้วยน้ำแข็งและหิมะ
จำนวนผู้เสียชีวิตอันเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ ได้รับการยืนยันแล้ว 26 รายใน 8 รัฐ แต่สื่อมวลชนอเมริกาบางแห่งรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศรวมแล้ว 30 ราย ในนั้นรวมถึง 4 รายในโคโลราโด และอย่างน้อย 7 รายในพื้นที่ทางตะวันตกของนิวยอร์ก
เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งกล่าวในวันอาทิตย์ (25 ธ.ค.) ว่า แม้หลายพื้นที่ของประเทศเริ่มหลุดพ้นจากพายุรุนแรงและอุณหภูมิดำดิ่ง โดยบางพื้นที่กลับสู่ภาวะปกติตามฤดูกาลแล้ว แต่บัฟฟาโล ยังคงต้องเผชิญกับภัยพิบัติเลวร้าย
"ในเวลานี้เรายืนยันผู้เสียชีวิต 7 รายและผลจากพายุในอีรี เคาน์ตี แต่อาจมีผู้เสียชีวิตมากกว่านี้" มาร์ค โพลอนคาร์ซ ผู้บริหารเคาน์ตีบอกกับผู้สื่อข่าว พร้อมบรรยายสถานการณ์เลวร้าย หิมะขาวโพลนปกคลุมยาวนานหลายชั่วโมง หลายศพถูกพบในยานพาหนะและภายใต้กองหิมะ เจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินต้องเข้าตรวจสอบรถยนต์ทีละคันเพื่อค้นหาผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม หรือบรรดาผู้ขับขี่ที่ติดค้างอยู่ภายใน
ผู้ว่าการรัฐกล่าวว่า กำลังพลจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิราว 200 นาย ถูกส่งเข้ามาช่วยเหลือปฏิบัติการกู้ภัยทั้งในและรอบเมืองบัฟฟาโล "มันรุนแรงมาก มันอันตรายและเข่นฆ่าชีวิต" เธอบอกกับซีเอ็นเอ็น พร้อมเน้นว่าแม้กระทั่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเองก็ติดอยู่ท่ามกลางหิมะและจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ
ทั้งนี้ สนามบินนานาชาติของเมืองแห่งนี้จะยังคงปิดบริการไปจนถึงวันอังคาร (27 ธ.ค.)
สำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติ เตือนว่าภูมิภาคทะเลสาบเกรทเลคของนิวยอร์ก จะต้องเผชิญสภาพอากาศเลวร้ายต่อไปในวันอาทิตย์ (25 ธ.ค.) ด้วยคาดว่าจะมีหิมะสะสมเพิ่มเติมอีกราวๆ 2 ถึง 3 ฟุต ตลอดทั้งคืน
คู่รักหนึ่งในบัฟฟาโล ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามชายแดนแคนาดา ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีในวันเสาร์ (24 ธ.ค.) ด้วยท้องถนนไม่สามารถสัญจรไปมาได้โดยสิ้นเชิง ทำให้พวกเขาอดเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวในวันคริสต์มาส ทั้งที่อยู่ห่างออกไปแค่ขับรถไปราวๆ 10 นาที "มันสาหัสจริงๆ เพราะว่าสภาพอากาศเลวร้ายมาก หน่วยดับเพลิงไม่อาจทำได้แม้กระทั่งส่งรถมาช่วยเหลือตามคำร้องขอ"
พายุครั้งนี้ซึ่งถือเป็นหนึ่งในครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ทำให้เที่ยวบินในสหรัฐฯ ต้องถูกยกเลิกมากกว่า 1,700 เที่ยวบินในวันอาทิตย์ (25 ธ.ค.) เพิ่มเติมจาก 3,500 เที่ยวบินในวันเสาร์ (24 ธ.ค.) และเกือบ 6,000 เที่ยวบินในวันศุกร์ (23 ธ.ค.)
พีท บูติเจจ รัฐมนตรีคมนาคมสหรัฐฯ ทวีตข้อความในวันเสาร์ (24 ธ.ค.) ว่าความปั่นป่วนหนักหน่วงที่สุดกำลังผ่านพ้นไปแล้ว ด้วยปฏิบัติการต่างๆ ของสายการบินและสนามบินค่อยๆ คืนมาตามลำดับ อย่างไรก็ตาม นักเดินทางยังคงตกค้างและเจอปัญหาดีเลย์ตามท่าอากาศยานต่างๆ ในนั้นรวมถึงแอตแลนตา ชิคาโก เดนเวอร์ ดีทรอยต์ และนิวยอร์ก
สภาพท้องถนนที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ ยังนำมาซึ่งการปิดเส้นทางการขนส่งที่พลุกพล่านที่สุดของประเทศหลายสาย ในนั้นรวมถึงถนนระหว่างรัฐสาย 70
บรรดาผู้ขับขี่ได้รับคำเตือนให้งดใช้รถใช้ถนน แม้ว่าช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาแห่งการเดินทางในทุกๆ ปี
สภาพอากาศรุนแรงยังส่งผลกระทบต่อโครงข่ายพลังงาน ด้วยผู้ให้บริการทางพลังงานหลายแห่งเรียกร้องประชาชนหลายล้านคนประหยัดพลังงาน เพื่อลดความเป็นไปได้ที่จะเกิดไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่อย่างเช่น นอร์ทแคโรไลนา และเทนเนสซี
มีอยู่ช่วงหนึ่งของวันเสาร์ (24 ธ.ค.) ผู้บริโภคเกือบ 1.7 ล้านคนต้องอยู่โดยไม่มีไฟฟ้าใช้ท่ามกลางความหนาวเหน็บ อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวลดลงอย่างมากในวันอาทิตย์ (25 ธ.ค.) แต่ยังคงมีผู้บริโภคราว 180,000 คน ในรัฐต่างๆ ทางตะวันตกที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้
(ที่มา : เอเอฟพี)