รัสเซียพร้อมเจรจากับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในสงครามยูเครน แต่เคียฟและบรรดาผู้สนับสนุนตะวันตกของพวกเขาปฏิเสธมีส่วนร่วมในการเจรจา ดังนั้น จึงแทบไม่เห็นจุดจบของสงครามและรัสเซียจะเดินหน้าสู้รบต่อไปจนกว่าบรรลุเป้าหมาย จากคำสัมภาษณ์ของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่ออกอากาศในวันอาทิตย์ (25 ธ.ค.)
ปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซียที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ โหมกระพือความขัดแย้งนองเลือดครั้งเลวร้ายที่สุดของยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และก่อการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างมอสโกกับตะวันตก นับตั้งแต่วิกฤตขีปนาวุธคิวบาปี 1962
จนถึงตอนนี้แทบไม่มีวี่แววว่าสงครามจะจบลง เครมลินบอกว่าจะสู้จนกว่าจะบรรลุทุกเป้าหมาย ส่วนเคียฟระบุจะไม่หยุดจนกว่าจะขับไล่ทหารรัสเซียทุกนายออกไปจากดินแดนของพวกเขา
ล่าสุด ปูติน ใหสัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์รอสซิยา 1 กล่าวว่า "เราพร้อมเจรจากับทุกคนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับทางออกที่สามารถยอมรับได้ แต่มันขึ้นอยู่กับพวกเขา เราไม่ใช่ฝ่ายที่ปฏิเสธการเจรจา เป็นพวกเขาที่ปฏิเสธการเจรจา"
มีคาอิโล โพโดลยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ตอบโต้ว่า ปูติน จำเป็นต้องกลับสู่ความเป็นจริงและยอมรับว่ารัสเซียเองต่างหากที่เป็นฝ่ายไม่อยากเจรจา "รัสเซียโจมตียูเครนฝ่ายเดียวและเข่นฆ่าพลเรือน" เขาทวีต "รัสเซียไม่ต้องการเจรจา แต่พยายามหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ"
รัสเซียโจมตีสถานีไฟฟ้าทั่วประเทศ ทำให้ชาวยูเครนหลายล้านคนต้องอยู่โดยปราศจากไฟฟ้าใช้ท่ามกลางสภาพอากาศหนาวเหน็บ ในเรื่องนี้ทาง เซเลนสกี บอกว่า มอสโก มีเป้าหมายทำให้วันท้ายๆ ของปี 2022 เต็มไปด้วยความมืดมิดและยากลำบาก "รัสเซียสูญเสียทุกๆ อย่างในปีนี้ ผมรู้ว่าความมืดมิดจะไม่อาจขัดขวางเราจากการนำพาพวกผู้รุกรานเจอความพ่ายแพ้รอบใหม่ แต่เราจำเป็นต้องพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์" เขากล่าวผ่านวิดีโอยามค่ำคืน
คณะเสนาธิการทหารยูเครนยอมรับว่ายังคงมีภัยคุกคามของปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและขีปนาวุธเล็งเป้าเล่นงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญๆ ทั่วประเทศ โดยทหารรัสเซียยังคงเดินหน้ายิงถล่มเมืองและฐานที่มั่นต่างๆ หลายสิบแห่งในแนวหน้า
เซเลนสกี ได้กล่าวถึงเหตุโจมตีหนึ่งในเมืองเคียร์ซอน ทางภาคใต้ของประเทศในวันเสาร์ (24 ธ.ค.) ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าเข่นคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 10 ราย โดยประกาศว่า "เราจะตามล่าพวกฆาตกรรัสเซียทุกคน"
ปูติน กล่าวหาตะวันตกพยายามฉีกรัสเซียเป็นชิ้นๆ "ผมเชื่อว่าเรากำลังดำเนินการในทิศทางที่ถูกต้อง เรากำลังปกป้องผลประโยชน์ของประเทศของเรา ผลประโยชน์ของประชาชนของเรา ประชาชนของเรา และเราไม่มีทางเลือกอื่น ยกเว้นปกป้องพลเรือนของเรา"
ผู้นำเครมลินกล่าวต่อว่า ตะวันตกเริ่มต้นความขัดแย้งในปี 2014 ด้วยการโค่นล้มประธานาธิบดียูเครนฝักใฝ่รัสเซีย ในการประท้วงปฏิวัติไมดาน ไม่นานหลังจากนั้นรัสเซียก็ผนวกไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน และกองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่ได้รับการสนับสนุนจากมอสโก ก็เริ่มสู้รบทางภาคตะวันออกของยูเครน
"ความจริงคือ สิ่งที่เป็นมูลเหตุแรกเริ่มของที่นี่คือ นโยบายของคู่ปรปักษ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของเรา ซึ่งมีเป้าหมายฉีกรัสเซียเป็นชิ้นๆ ฉีกประวัติศาสตร์รัสเซียเป็นชิ้นๆ"
ปูติน หยิบยกความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งเขาเรียกว่า "ปฏิบัติการพิเศษด้านการทหาร" เป็นนาทีแห่งการเปลี่ยนแปลง เมื่อในท้ายที่สุดมอสโกก็ลุกขึ้นต่อกรกับกลุ่มตะวันตก ที่เขาบอกว่ากำลังหาทางทำลายรัสเซียมาตั้งแต่ครั้งที่สหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 1991
ยูเครนและตะวันตก ตอบโต้ว่า ปูติน ไม่สามารถอ้างความชอบธรรมใดๆ กับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าสงครามแห่งการรุกรานในรูปแบบจักรวรรดินิยมของรัสเซีย
ปูติน ให้คำจำกัดความรัสเซีย ในฐานะประเทศที่มีเอกลักษณ์ และประชาชนส่วนใหญ่มีความต้องการเป็นหนึ่งเดียวในการปกป้องประเทศแห่งนี้ "คนส่วนใหญ่ 99.9% ของพลเมืองของเรา ประชาชนของเราพร้อมมอบทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของแผ่นดินเกิด ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรสำหรับผม"
"มันแค่เป็นอีกครั้งที่ทำให้ผมเชื่อว่า รัสเซียเป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์ และเรามีประชาชนที่วิเศษ นี่มันสามารถยืนยันได้ผ่านประวัติศาสตร์การดำรงอยู่ของรัสเซีย" ปูติน ระบุ
(ที่มา : รอยเตอร์)
