เซเลนสกีขอสหรัฐฯ สนับสนุนเพิ่ม ย้ำเป็นการลงทุนเพื่อประชาธิปไตย

รอยเตอร์ - เซเลนสกีย้ำกับสมาชิกสภาสหรัฐฯ เงินช่วยเหลือยูเครนเป็นการลงทุนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่การบริจาค พร้อมรื้อฟื้นความจำเมื่อครั้งอเมริการบกับนาซีในสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อขอการสนับสนุนเพิ่ม ด้านเครมลินเตือนซ้ำความขัดแย้งยิ่งลุกลามหากตะวันตกส่งอาวุธเพิ่มให้เคียฟ

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ปราศรัยต่อรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (21 ธ.ค.) ว่าเงินที่อเมริกาอัดฉีดให้ยูเครนไม่ใช่เงินบริจาค แต่เป็นการลงทุนในประชาธิปไตยและความมั่นคงของโลก ซึ่งยูเครนนำไปใช้อย่างมีความรับผิดชอบ

การแสดงความคิดเห็นของเซเลนสกีมีขึ้นขณะที่รีพับลิกันกำลังจะเข้าควบคุมสภาผู้แทนราษฎรต้นเดือนหน้า และสมาชิกบางคนของพรรคนี้ตั้งข้อสงสัยมากขึ้นเกี่ยวกับการส่งความช่วยเหลือมูลค่ามหาศาลให้เคียฟ และบางคนถึงขั้นเรียกร้องให้ยุติความช่วยเหลือ รวมทั้งตรวจสอบว่า เงินที่ให้ไปแล้วนำไปใช้จ่ายอย่างไร

ก่อนหน้านั้น เซเลนสกีได้พบกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระหว่างการเยือนต่างประเทศครั้งแรกนับจากรัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์

ผู้นำสหรัฐฯ เรียกร้องให้คงการสนับสนุนยูเครนต่อไปในปีหน้า นอกจากนั้น อเมริกายังประกาศความช่วยเหลือทางทหารครั้งใหม่มูลค่า 1,850 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศแพทริออต เพื่อช่วยรับมือขีปนาวุธของรัสเซีย ด้านเซเลนสกีกล่าวว่า ระบบแพทริออตเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างระบบโล่ป้องกันทางอากาศ

ขณะเดียวกัน สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของอนาโตลี แอนโทนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำวอชิงตันว่า การเยือนของเซเลนสกีตอกย้ำว่า คำพูดของอเมริกาที่ว่า ไม่ต้องการขัดแย้งกับรัสเซียเป็นแค่ลมปากเท่านั้น และการยั่วยุของอเมริกาในยูเครนจะทำให้เกิดผลลัพธ์ร้ายแรงจนไม่อาจจินตนาการได้

สัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียเพิ่งประกาศว่า หากอเมริกาจัดส่งแพทริออตให้ยูเครน ระบบอาวุธดังกล่าวจะเป็นเป้าหมายการโจมตีโดยชอบธรรมของรัสเซีย

ทั้งนี้ เซเลนสกีได้กล่าวต่อหน้าวุฒิสมาชิกและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เช่นเดียวกับผู้นำโลกอีกหลายคน ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เริ่มต้นขึ้นในปี 1874 ระหว่างการเยือนของพระเจ้าคาลาคาอัว แห่งฮาวาย รวมถึงการเยือนในช่วงสงครามของนายกรัฐมนตรีวินสตัน เชอร์ชิล ของอังกฤษ

สมาชิกสภาผู้แทน และวุฒิสมาชิกจากทั้งสองพรรคลุกขึ้นยืนสนับสนุนคำปราศรัยของเซเลนสกีบางช่วงบางตอน เช่น ตอนที่เขาเชื่อมโยงสงครามกับรัสเซียในขณะนี้กับสงครามโลกครั้งที่ 2 และกระทั่งการปฏิวัติของอเมริกา

ผู้นำยูเครนขอให้อเมริกาให้ความช่วยเหลือในการสู้รบกับรัสเซียต่อไป เหมือนที่ประธานาธิบดี แฟรงคลิน ดี. รูสเวลต์ ที่ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 1933-1945 พยายามปลดปล่อยยุโรปจากการยึดครองของนาซี

คองเกรสกำลังพิจารณาอนุมัติความช่วยเหลือทางทหารและเศรษฐกิจฉุกเฉินมูลค่า 44,900 ล้านดอลลาร์ให้ยูเครน เพิ่มเติมจากที่ให้ไปแล้วราว 50,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้

จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวว่า วอชิงตันไม่เห็นสัญญาณว่า ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ยินดีเจรจาสันติภาพ ขณะที่เซเลนสกียืนกรานว่า สันติภาพที่ยุติธรรมหมายความว่า ยูเครนจะไม่ยอมแลกด้วยอธิปไตยและบูรณภาพด้านดินแดนโดยเด็ดขาด

ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกวังเครมลิน ตอบโต้ว่า การที่ตะวันตกส่งอาวุธให้ยูเครนเพิ่มจะทำให้ความขัดแย้งยิ่งลุกลาม

สำหรับสถานการณ์การสู้รบในยูเครนนั้น กองทัพยูเครนแถลงเมื่อค่ำวันพุธว่า กองกำลังรัสเซียถล่มเป้าหมายหลายแห่งในภูมิภาคซาโปริซเซีย และรุกเข้าใกล้เมืองแบคห์มุต และแอฟดิฟกา ซึ่งเป็นแนวรบสำคัญในภูมิภาคโดเนตสก์

ทั้งนี้ ปูตินให้สัญญาว่า จะจัดหาทุกอย่างที่กองทัพรัสเซียต้องการในการทำสงครามที่ใกล้สิ้นสุดเดือนที่ 10 รวมทั้งสนับสนุนแผนการเพิ่มขนาดกองทัพอีกกว่า 30%