น้ำมันขยับลง 2% และทองคำปิดลบในวันพฤหัสบดี (15 ธ.ค.) นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์ สืบเนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าและธนาคารกลางประเทศต่างๆ ปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม ขณะที่ปัจจัยกล่าวฉุดให้วอลล์สตรีทร่วงหนัก โดยดาวโจน์ดิ่งลงเกือบ 800 จุด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์ ปิดที่ 76.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 1.49 ดอลลาร์ ปิดที่ 81.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ระบุในวันพุธ (14 ธ.ค.) ว่าทางธนาคารกลางแห่งนี้จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีหน้า แม้ว่ามันมีความเป็นไปได้ว่าอาจฉุดเศรษฐกิจดำดิ่งสู่ภาวะถดถอย ต่อมาในวันพฤหัสบดี (15 ธ.ค.) ธนาคารกลางอังกฤษและธนาคารกลางยุโรปปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสู่กับภาวะเงินเฟ้อเช่นกัน
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเป็นอีกปัจจัยนี้ที่ฉุดราคาน้ำมันเช่นกัน โดยมันทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่นๆ และปัจจัยนี้เองที่ทำให้ราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (15 ธ.ค.) ปิดลบเช่นกัน โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 30.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,787.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (15 ธ.ค.) ปิดลบหนัก โดยดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติปรับลดรายวัน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดในรอบ 3 เดือน ท่ามกลางความกังวลมากขึ้นว่าการใช้แนวทางปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกของเฟดอาจนำมาซึ่งภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ดาวโจนส์ ลดลง 764.13 จุด (2.25 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 33,202.22 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 99.57 จุด (2.49 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,895.75 จุด แนสแดค ลดลง 360.36 จุด (3.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 10,810.53 จุด
ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% ในวันพุธ (14 ธ.ค.) ชะลอความเคลื่อนไหวลงหลังจากก่อนหน้านี้ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% มา 4 หนติด อย่างไรก็ตาม เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดเตือนว่าสัญญาณเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงเมื่อเร็วๆ นี้อาจไม่เพียงพอที่จะโน้มน้าวให้เฟดลดระดับต่อสู้กับเงินเฟ้อ
เฟดคาดการณ์ว่าจะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยขึ้นไปเหนือ 5% ในปี 2023 ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยพบเห็นมาตั้งแต่ครั้งที่เศรษฐกิจตกต่ำในปี 2007
(ที่มา : รอยเตอร์)
