ราคาน้ำมันขยับลงแรง 3% ในวันพุธ (23 พ.ย.) หลังพบคลังเบนซินสำรองของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นผิดคาด ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกแข็งแกร่งและทองคำปรับขึ้น จากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 3.01 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 2.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 85.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (อีไอเอ) เผยแพร่รายงานในวันพุธ (23 พ.ย.) พบคลังน้ำมันเบนซินสำรองของประเทศ ในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นถึง 3.1 ล้านบาร์เรล เกินกว่าที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นแค่ราวๆ 383,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลยังพบด้วยว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศลดลงราว 3.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะลดลงราว 1.1 ล้านบาร์เรล แต่สต๊อกน้ำมันกลั่น ซึ่งประกอบด้วย ดีเซลและน้ำมันทำความร้อน เพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธ (23 พ.ย.) ปิดบวกอย่างแข็งแกร่ง หลังรายงานการประชุม (minutes) ประจำเดือนพฤศจิกายนของธนาคารกลางสหรัฐฯ บ่งชี้ว่าอาจมีการชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆ นี้
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 95.96 จุด (0.28 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,194.06 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 23.68 จุด (0.59 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,027.26 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 110.91 จุด (0.99 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,285.32 จุด
รายงานการประชุมเฟด พบว่าเสียงส่วนใหญ่จำนวนมากของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน เห็นพ้องกันว่าเร็วๆ นี้อาจเป็นเรื่องเหมาะสมสำหรับชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย
นับตั้งแต่การประชุมเฟดหนล่าสุดเมื่อวันที่ 1-2 พฤศจิกายน พวกนักลงทุนมองในแง่บวกเพิ่มมากขึ้นว่าเงินเฟ้อได้เริ่มทุเลาลงแล้ว นั่นหมายความว่าทางธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียงเล็กน้อย
ด้านราคาทองคำปรับขึ้นในวันพุธ (23 พ.ย.) ท่ามกลางข้อมูลทางเศรษฐกิจต่างๆ ในขณะที่มันปิดตลาดก่อนหน้าเฟดเผยแพร่รายงานการประชุม โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 5.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,745.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)