ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันพุธ (14 ธ.ค.) หลังโอเปกและทบวงพลังงานสากล (ไออีเอ) คาดการณ์อุปสงค์พลังงานฟื้นตัวในปีหน้า ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบ แกว่งตัวลงในช่วงท้ายของการซื้อขาย หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาด แต่ส่งสัญญาณว่าการต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่สิ้นสุด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 1.89 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 2.02 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
องค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก (โอเปก) คาดการณ์อุปสงค์พลังงานโลกจะเติบโต 2.25 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า เป็น 101.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากความเป็นไปได้ของอุปสงค์ฟื้นตัวในจีน ชาติผู้นำเข้ารายใหญ่ของโลก
เช่นเดียวกับไออีเอ ที่มองว่าอุปสงค์พลังงานของจีนจะฟื้นตัวในปีหน้า หลังหดตัว 400,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2022 โดยปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตอุปสงค์น้ำมันสำหรับปี 2023 ที่ 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็น 101.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งตัวลงในช่วงท้ายของการซื้อขาย และปิดลบในวันพุธ (14 ธ.ค.) ตามหลังคำแถลงทางนโยบายขอเฟดที่ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ตามความคาดหมาย แต่คาดว่าอาจต้องคงอัตราดอกเบี้ยระดับสูงเป็นเวลานาน ในความพยายามควบคุมเงินเฟ้อ
ดาวโจนส์ ลดลง 142.29 จุด (0.42 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 33,966.35 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 24.33 จุด (0.61 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,995.32 จุด แนสแดค ลดลง 85.93 จุด (0.76 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,170.89 จุด
เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในวันพุธ (14 ธ.ค.) แต่คาดหมายว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกอย่างน้อยๆ 0.75% ในช่วงสิ้นปีหน้า เช่นเดียวกับตัวเลขคนว่างงานที่สูงขึ้นและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แทบหยุดนิ่ง
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นไปตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 7 ในปีนี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ เวลานี้อยู่ที่ระดับ 4.25% ถึง 4.50% สูงสุดในรอบ 15 ปี
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2023 และจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2024 โดยเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปีหน้า ก่อนที่จะสิ้นสุดวัฏจักรปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะสูงกว่าที่คาดหมายไว้ก่อนหน้านี้
เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดระบุในถ้อยแถลงว่า แม้การดีดตัวของเงินเฟ้อจะเบาลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่จำเป็นต้องพบเห็นหลักฐานเพิ่มเติมว่าราคาที่สูงขึ้นจะชะลอตัวลงในระยะยาว "จำเป็นต้องมีหลักฐานที่เป็นชิ้นเป็นอันกว่านี้สำหรับมอบความมั่นใจว่าเงินเฟ้ออยู่บนเส้นทางขาลงอย่างยั่งยืน" เขากล่าว หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินมติปรับขึ้นดอกเบี้ยเล็กน้อย ใช้นโยบายเชิงรุกปานกลางในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ ในวันพุธ (14 ธ.ค.) ทางคณะกรรมการกำหนดนโยบายยังปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2023 ลงเหลือ 0.50% หลีกเลี่ยงภาวะหดตัวหวุดหวิด และอาจเห็นเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดหมาย
ด้านราคาทองคำในวันพุธ (14 ธ.ค.) ปรับลดเล็กน้อย แกว่งตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน ทั้งนี้ ตลาดโลหะมีค่าชนิดนี้ปิดการซื้อขายก่อนหน้าเฟดมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 6.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,818.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)