อเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย ประกาศวานนี้ (4 ธ.ค.) ว่ารัสเซียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกจะไม่ขายน้ำมันภายใต้มาตรการจำกัดเพดานราคาของชาติตะวันตก ต่อให้ต้อง “ลดกำลังผลิต” เพื่อชดเชยกับการส่งออกที่ลดลงก็ตาม
คำประกาศของรองนายกฯ รัสเซียมีขึ้น หลังจากที่กลุ่มชาติอุตสาหกรรมชั้นนำ G7 และออสเตรเลียได้บรรลุข้อตกลงจำกัดเพดานราคาน้ำมันดิบรัสเซียที่ขนส่งทางทะเลเอาไว้ที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (2) โดยมีขึ้นตามหลังนโยบายเดียวกันของสหภาพยุโรป (อียู) ที่เอาชนะเสียงคัดค้านของโปแลนด์ได้
ความพยายามของตะวันตกที่จะสกัดกั้นไม่ให้บริษัทต่างๆ รับทำประกันภัยทางทะเลและขนส่งน้ำมันดิบรัสเซียในราคาสูงกว่าเพดานที่กำหนด มีจุดประสงค์เพื่อกดดันให้ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ต้องเผชิญกับความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการทำสงครามรุกรานยูเครน
โนวัค ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลด้านน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ พลังงานนิวเคลียร์ และถ่านหินของรัสเซีย ระบุวานนี้ (4) ว่า มาตรการของตะวันตกถือเป็นการแทรกแซงกลไกตลาดอย่างร้ายแรง ละเมิดกฎการค้าเสรี และจะยิ่งบั่นทอนเสถียรภาพของตลาดพลังงานโลก เพราะจะกระตุ้นให้อุปทานน้ำมันดิบลดลง
“เรากำลังจัดทำกลไกเพื่อต่อต้านการกำหนดเพดานราคาน้ำมัน ไม่ว่าจะในระดับใดก็ตาม เพราะการทำเช่นนี้ถือว่าแทรกแซงและบั่นทอนเสถียรภาพของตลาด” เขากล่าว
“เราจะขายน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมให้ประเทศพร้อมจะทำงานร่วมกับเราภายใต้กลไกตลาดเท่านั้น ต่อให้ต้องลดกำลังผลิตลงเล็กน้อยก็ตามที”
รองนายกฯ หมีขาวยังเตือนด้วยว่า การกำหนดเพดานราคาน้ำมันดิบอาจส่งผลกระทบไปถึงประเทศอื่นๆ ที่นอกเหนือจากรัสเซียด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดนักว่ามาตรการจำกัดเพดานราคาของตะวันตกจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันของรัสเซียมากน้อยเพียงใด เนื่องจากราคาน้ำมันดิบอูราลซึ่งเป็นน้ำมันดิบส่งออกหลักของรัสเซียก็ซื้อขายกันอยู่แค่ราวๆ 61.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือแพงกว่าเพดานกำหนดแค่ 1 ดอลลาร์เศษๆ
โปแลนด์ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนตัวยงของยูเครนในการสู้รบต้านทานการรุกรานของรัสเซีย ต้องการให้กำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียต่ำกว่านี้ โดยมีรายงานข่าวว่า พวกเขาเคยเรียกร้องให้กำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียอยู่ที่แค่ราวๆ 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเท่านั้น
ทั้งนี้ การส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติถือเป็นแหล่งรายได้สกุลเงินตราต่างประเทศหลักๆ ของรัสเซียมาตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต หลังจากที่นักธรณีวิทยามีการค้นพบแหล่งน้ำมันและก๊าซขนาดใหญ่ที่ภูมิภาคไซบีเรียในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
แหล่งข่าวผู้ไม่ประสงค์ออกนามให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ว่า มอสโกกำลังเตรียมออกกฤษฎีกาห้ามไม่ให้บริษัทและผู้ค้าชาวรัสเซียทำธุรกรรมกับประเทศและบริษัทที่ปฏิบัติตามมาตรการจำกัดเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย หรือสรุปง่ายๆ ว่ารัสเซียจะห้ามมิให้มีการส่งออกน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมไปยังประเทศและบริษัทที่ใช้มาตรการดังกล่าวนั่นเอง
นับตั้งแต่เริ่มส่งทหารบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ปูติน อ้างมาโดยตลอดว่าสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรจงใจทำสงครามเศรษฐกิจกับรัสเซียด้วยมาตรการคว่ำบาตรที่หนักหน่วงที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ พร้อมเตือนชาติตะวันตกว่าจะต้องเผชิญกับวิกฤตพลังงานเสียเอง
ปูติน ยังออกมาขู่เมื่อเดือน ก.ย. ว่า รัสเซียจะงดส่งออกพลังงานให้ตะวันตกหากมีการกำหนดเพดานราคา ซึ่งจะทำให้ยุโรปถูก “แช่แข็ง” ไม่ต่างกับหมาป่าที่หางติดอยู่ในบ่อน้ำแข็งตามนิทานพื้นบ้านของรัสเซีย
แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมและเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งยอมรับกับรอยเตอร์เมื่อเดือน ต.ค. ว่า รัสเซียยังสามารถเข้าถึงเรือบรรทุกน้ำมันได้มากพอที่จะส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ที่อยู่นอกมาตรการจำกัดเพดานราคาของ G7 ได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงข้อจำกัดในการปิดกั้นแหล่งรายได้ของมอสโก
ที่มา : รอยเตอร์