กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร หรือ โอเปกพลัสจัดการประชุมออนไลน์ในวันนี้ เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันสำหรับเดือนธันวาคม ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราการผลิตไว้ที่ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ที่กำหนดไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ไปจนถึงสิ้นปี 2566 แม้ว่าจะทำให้สหรัฐฯ และชาติตะวันตกไม่พอใจ
ทั้งนี้ สหรัฐฯ กล่าวหาว่าโอเปกพลัสปรับลดกำลังผลิตเพื่อเข้าข้างรัสเซีย แต่โอเปกพลัสโต้แย้งว่า เป็นเพราะเศรษฐกิจซบเซา เศรษฐกิจจีนและทั่วโลกชะลอตัวลง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยก็สูงขึ้น
นอกจากนี้ การประชุมในวันนี้ยังมีประเด็นพิจารณาเกี่ยวกับการที่สหภาพยุโรป และกลุ่ม G7 มีมติกำหนดเพดานราคาน้ำมันดิบรัสเซียไว้ที่ระดับ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพื่อเป็นการลงโทษที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกรุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ซึ่งเมื่อมีการประกาศใช้จะทำให้สถาบันการเงิน บริษัทเดินเรือ บริษัทประกันวินาศภัย และบริษัทประกันภัยต่อ ไม่สามารถให้บริการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งน้ำมันรัสเซียที่มีราคาสูงกว่าเพดานราคาที่สหภาพยุโรปและ G7 กำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์น้ำมันในกรุงเวียนนา ระบุว่า ผู้ผลิตน้ำมันของรัสเซียทำในสิ่งที่สวนทางกับรายงานของสื่อ โดยเพิ่มปริมาณผลผลิต ในช่วงเดือนพฤศจิกายน รัสเซียผลิตน้ำมัน 10,900,000 บาร์เรลต่อวัน และเพิ่มการส่งออกไปยังจีน อินเดีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น นอกจากนี้ เอเชียยังนำเข้าน้ำมันดิบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 29,100,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากระดับ 25,600,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือนตุลาคม และ 26,600,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือนกันยายน
แม้ว่าผู้ซื้อในเอเชียจะไม่ได้เข้าร่วมในมาตรการเพดานราคาน้ำมัน แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับน้ำมันดิบของรัสเซียทำให้เกิดความกังวลในหมู่ผู้ซื้อ