เอพี - จีนรายงานผู้เสียชีวิตจากโควิดเพิ่ม 2 คน ขณะที่บางเมืองขยับผ่อนคลายกฎสกัดโรคระบาดอย่างระมัดระวัง ท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชนที่แสดงออกชัดเจนขึ้น
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (เอ็นเอชซี) แถลงเมื่อวันอาทิตย์ (4) ว่า พบผู้เสียชีวิต 1 คนในมณฑลซานตง และอีก 1 คนในมณฑลเสฉวน แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับอายุและประวัติการฉีดวัคซีนของผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด
จีนเป็นประเทศใหญ่แห่งสุดท้ายที่พยายามหยุดการแพร่ระบาดของโควิดโดยสิ้นเชิงผ่านมาตรการกักตัว ล็อกดาวน์ และตรวจประชาชนจำนวนมาก โดยเชื่อกันว่าความกังวลเกี่ยวกับอัตราการฉีดวัคซีนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์ยืนหยัดกลยุทธ์แข็งกร้าว
จากข้อมูลของเอ็นเอชซีนั้น แม้ประชาชน 90% ฉีดวัคซีนแล้ว แต่มีเพียง 66% ในกลุ่มคนอายุ 80 ปีขึ้นไปที่ฉีดวัคซีน 1 เข็ม และ 40% ได้ฉีดเข็มกระตุ้น ส่วนในกลุ่มคนอายุ 60 ปีขึ้นไปที่ได้ฉีดวัคซีนมี 86%
ด้วยตัวเลขเหล่านี้และข้อเท็จจริงที่ว่า มีคนจีนจำนวนน้อยมากที่มีแอนติบอดี้จากการติดโควิด ทำให้บางคนกลัวว่า ถ้ายกเลิกมาตรการสกัดโควิดทั้งหมดอาจทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นหลักล้านคน
ดูเหมือนความโกรธแค้นของประชาชนกำลังกดดันให้ทางการต้องยกเลิกข้อจำกัดบางอย่าง แม้ยังยืนยันว่า กลยุทธ์โควิดเป็นศูนย์ที่มุ่งกักตัวผู้ติดเชื้อทุกคนยังคงบังคับใช้อยู่ก็ตาม
ยกตัวอย่างเช่น ปักกิ่งและเมืองอื่นๆ บางส่วนอนุญาตให้ประชาชนขึ้นรถประจำทางและรถไฟใต้ดินโดยไม่ต้องใช้ผลตรวจโควิดเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นใกล้สถิติสูงสุดก็ตาม ความเคลื่อนไหวนี้ยังเกิดขึ้นหลังจากเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วมีการประท้วงมาตรการล็อกดาวน์ทั่วจีน ซึ่งถือเป็นการประท้วงครั้งใหญ่และแพร่หลายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
วันเสาร์ที่ผ่านมา (3) เซินเจิ้น ศูนย์กลางการผลิตด้านเทคโนโลยีทางใต้ของประเทศ ประกาศอนุญาตให้ประชาชนไม่ต้องแสดงผลตรวจโควิดในการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ หรือเข้าสวนสาธารณะ สถานที่ท่องเที่ยว และร้านขายยาอีกต่อไป
ขณะเดียวกัน ปักกิ่งประกาศเมื่อวันศุกร์ (2) ยกเลิกการใช้ผลตรวจโควิดเป็นลบสำหรับการใช้ระบบขนส่งสาธารณะตั้งแต่วันจันทร์ (5) แต่ยังต้องใช้สำหรับการเข้าห้างสรรพสินค้าที่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยที่ร้านอาหารยังให้บริการซื้อกลับบ้านเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ชาวปักกิ่งบางส่วนไม่พอใจกับคำสั่งแสดงผลตรวจโควิดในสถานที่สาธารณะส่วนใหญ่ ทั้งที่สถานที่ตรวจโควิดในเมืองจำนวนมากปิดให้บริการไปแล้ว
ในวันอาทิตย์จีนแถลงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 35,775 คนในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดย 31,617 คนในจำนวนนี้ไม่แสดงอาการ รวมแล้วจีนมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 336,165 คน เสียชีวิต 5,235 คน น้อยกว่าอเมริกาและอีกหลายประเทศมาก ทั้งที่ประเทศอื่นๆ ผ่อนคลายมาตรการควบคุมแล้วและพยายามอยู่ร่วมกับไวรัสที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6.6 ล้านคนทั่วโลก และผู้ป่วยเกือบ 650 ล้านคน
เมื่อวันเสาร์ทางการปักกิ่งชี้แจงว่า เนื่องจากโควิดรอบนี้ระบาดเร็วมากจึงจำเป็นต้องคงมาตรการป้องกันและควบคุมทางสังคมต่อไป
ทั้งนี้ รัฐบาลของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ให้สัญญาว่า จะลดค่าใช้จ่ายและการควบคุม แต่จะยึดมั่นนโยบายโควิดเป็นศูนย์ต่อไป โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขและนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า จีนจะใช้นโยบายนี้อย่างน้อยจนถึงกลางปีหน้าและหากจำเป็นอาจลากยาวถึงปี 2024 โดยขณะนี้กำลังเร่งฉีดวัคซีนผู้สูงวัยเพื่อเตรียมพร้อมยกเลิกมาตรการควบคุมที่ทำให้นักเดินทางส่วนใหญ่ไม่เดินทางไปจีน
ขณะเดียวกัน แม้รัฐบาลยอมรับความผิดพลาดบางประการ แต่ส่วนใหญ่มักโทษว่า เป็นเพราะเจ้าหน้าที่กระตือรือร้นมากเกินไป และมีการลงโทษบุคคลสาธารณะ นักธุรกิจ ประชาชน และแม้กระทั่งนักกีฬาที่วิจารณ์นโยบายของรัฐบาล ตัวอย่างเช่น เจเรมี หลิน นักบาสเอ็นบีเอชื่อดังที่เล่นให้ทีมจีน ถูกปรับ 1,400 ดอลลาร์ จากการวิจารณ์สภาพสถานที่ที่ใช้กักตัวทีมของตน
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการแผนกฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก แสดงความยินดีที่จีนผ่อนคลายมาตรการจำกัดโรคระบาด และกล่าวว่า สิ่งสำคัญที่แท้จริงคือการที่รัฐบาลรับฟังการร้องเรียนของประชาชนที่เผชิญความยากลำบาก