ผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่มีต่ออียู หนักหนาสาหัสกว่าสหรัฐฯ โดยเฉพาะในแง่ของพลังงานที่อเมริกาได้ประโยชน์จากราคาก๊าซและน้ำมันที่พุ่งสูง จากคำกล่าวของ ชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์คอร์เรีย เดลลา เซรา ของอิตาลีเมื่อวันเสาร์ (3 ธ.ค.) มิเชล กล่าวว่า ความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงระหว่างบรัสเซลส์กับวอชิงตันเข้มแข็งขึ้น นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนปะทุขึ้น "มีความร่วมมืออย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในสงครามในยูเครน"
อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถพูดเช่นนั้นได้ในแง่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ด้วยประธานคณะมนตรียุโรปชี้ว่าผลกระทบของความขัดแย้งที่มีต่อสหรัฐฯ นั้นไม่หนักหนาเท่ากับยุโรป "สิ่งต่างๆ มันง่ายกว่าสำหรับอเมริกา เพราะพวกเขาเป็นผู้ส่งออกทรัพยากรพลังงาน และได้ประโยชน์จากราคาก๊าซกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูง ส่วนอียูต้องชดใช้ราคาแพง เราเสี่ยงเผชิญภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ"
"ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ของยุโรปต้องจ่ายมากขึ้นเพื่อพลังงาน และเผชิญการแข่งขันจากสหรัฐฯ" มิเชล กล่าว
ประธานคณะมนตรียุโรปถูกถามด้วยว่าเขารู้สึกเหมือนถูกทรยศหรือไม่ จากกฎหมายว่าด้วยการปรับลดเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) ของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งมอบการอุดหนุนและลดหย่อนภาษีครั้งใหญ่แก่ธุรกิจสีเขียว ขณะที่บรัสเซลส์มีความกังวลว่ามาตรการดังกล่าวอาจจบลงด้วยการล่อใจให้ธุรกิจต่างๆ ในยุโรปบ่ายหน้าสู่อเมริกา สืบเนื่องจากราคาพลังงานในสหรัฐฯ ถูกกว่ามาก
"ผมไม่เคยชินในแง่นี้ ผมอยากเห็นพฤติกรรมอื่นจากวอชิงตัน" มิเชลเน้นย้ำ "แต่อย่าทำเป็นไร้เดียงสาเลย สหรัฐฯ กระทั่งภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตนเองในลำดับต้นๆ"
"การพึ่งพาอาศัยกัน การมีสนามแข่งขันที่ทัดเทียมกันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโลกาภิวัตน์" เขากล่าว พร้อมแสดงความหวังว่าอียูจะสามารถประสานกับสหรัฐฯ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าเพื่อพูดคุยหารือเกี่ยวกับความร่วมมือร่วมกัน
รายงานของเว็บไซต์ข่าวการเมืองสหรัฐฯ Politico ที่เผยแพร่เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน อ้างว่า สหภาพยุโรปมีความโกรธเคืองรัฐบาลของประธานาธิบไบเดน สำหรับการได้ประโยชน์จากการสู้รบในยูเครน "สหรัฐฯ กำลังทำกำไรจากความขัดแย้งให้ได้มากที่สุด ในขณะที่พวกเขากำลังขายก๊าซเพิ่มมากขึ้นในราคาที่สูงขึ้น และเพราะว่าพวกเขากำลังขายอาวุธได้มากกว่าเดิม" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอียูรายหนึ่งกล่าว
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)