xs
xsm
sm
md
lg

ถ้า ‘โจ ไบเดน’ ไม่ลงแข่ง มีใครอีกในพรรคเดโมแครตที่จะเข้าชิงชัยเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: จูลี เอ็ม นอร์แมน และ โธมัส กิฟต์ ***


ด้วยความสูงวัยของ โจ ไบเดน ตราบเท่าที่เขายังไม่ประกาศตัวออกมาอย่างชัดเจนว่า ต้องการลงชิงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสมัยสอง  การค้นหาผู้ที่อาจเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตคนใหม่ เตรียมเอาไว้เพื่อการชิงทำเนียบขาวในปี 2024 ก็ต้องดำเนินการไปอย่างเงียบๆ
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

If not Joe then who in 2024?
By JULIE M NORMAN And THOMAS GIFT
17/11/2022

โจ ไบเดน เพิ่งมีอายุครบรอบ 80 ขวบเต็มๆ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ และถึงแม้ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ที่เพิ่งผ่านไป พรรคเดโมแครตของเขาสามารถสู้ได้ดีเกินคาดหมาย ทำให้พรรครีพับลิกันไม่สามารถสร้าง “กระแสคลื่นสีแดง” ตามที่ข่มขู่คุยโวเอาไว้ กระนั้นก็ตามที ด้วยวัยของเขาก็ยังคงทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า เขาจะลงแข่งขันเพื่อเป็นประธานาธิบดีต่อเป็นสมัยที่สองหรือ?

ถ้าหากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กำลังมองหาข้อแก้ตัวสำหรับการไม่ลงแข่งขันเพื่อไปต่ออีกสมัยในปี 2024 แล้ว เขาก็ไม่พบมันหรอกในการเลือกตั้งกลางเทอมที่ผ่านมา เพราะพรรคเดโมแครตไม่เพียงแค่สามารถที่จะหลบหลีกไม่ต้องเจอกับ “กระแสคลื่นสีแดง” อันน่าสะพรึงกลัว [1] ตามที่พรรครีพับลิกันข่มขู่คุยโวเอาไว้เท่านั้น แต่ยังประสบความสำเร็จในการรักษาอำนาจควบคุมวุฒิสภาเอาไว้ได้ อีกทั้งตามบดบี้จนกระทั่งถึงแม้รีพับลิกันชิงเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรไปได้ ทว่าก็เกินครึ่งแบบเฉียดฉิว แถมยังชนะในเวทีแข่งขันเลือกตั้งระดับท้องถิ่นสำคัญๆ หลายๆ ตำแหน่ง
(กระแสคลื่น “สีแดง” มีที่มาจากการที่พรรครีพับลิกันใช้สีแดงเป็นสีสัญลักษณ์ ส่วนพรรคเดโมแครตใช้สีน้ำเงิน -ผู้แปล)

ถึงแม้สหรัฐฯ ต้องเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อสูงลิบลิ่วชนิดว่ากันว่าเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวใน 1 เจเนอเรชัน [2] ส่วนเรตติ้งความยอมรับผลงานของ ไบเดน ก็ต่ำเตี้ยแบบเรื้อรัง [3] แต่ เดโมแครตยังคงสามารถท้าทายเสียงคาดหมาย และทำผลงานเลือกตั้งกลางเทอมครั้งที่ดีที่สุดสำหรับพรรคของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ว่าคนไหนก็ตามในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาทีเดียว [4]

การฉลองชัยชนะของ ไบเดน ยังหวานชื่นยิ่งขึ้นอีกจากความพ่ายแพ้ของผู้สมัครคนดังๆ จำนวนมากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศให้ความสนับสนุน [5] จนกระทั่งจุดชนวนให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อดีตประธานาธิบดีผู้นี้อย่างแพร่หลายภายในแวดวงของพวกอนุรักษนิยมด้วยกันเอง [6]

กระนั้นก็ตาม หลังจากเลือกตั้งกลางเทอมผ่านไปสัปดาห์เดียว ทรัมป์ ยังคงประกาศตัวลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งในปี 2024 ตามที่วางแผนเอาไว้ [7] โดยแถลงเริ่มต้นวงจรการเลือกตั้งครั้งต่อไปในวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมกับแสดงท่าทีท้าตีท้าต่อย ต้องการดวลกับ ไบเดน --ผู้กำหนดจัดวางตำแหน่งให้แก่ตัวเองว่าเป็นผู้สมัครเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเอาชนะ ทรัมป์ ได้ [8]

ทั้งหมดเหล่านี้มีความหมายอย่างไรสำหรับ ไบเดน? เขาจะ –และควรจะ—ลงแข่งขันเพื่อเป็นประธานาธิบดีอีกสมัยหนึ่งหรือไม่?

กระแสเสียงกระซิบกระซาบที่ว่า ไบเดน สมควรที่จะถอยออกไป อย่าลงแข่งในปี 2024 ดีกว่า ได้เงียบสงบลงไปสักระยะหนึ่งแล้ว [9] แต่อย่าได้คาดหมายเชียวว่ามันจะไม่โหมกระพือขึ้นมาอีก อย่าลืมว่าสองในสามของผู้ออกเสียงทีเดียวให้ความเห็นในเอ็กซิตโพล ตอนเลือกตั้งกลางเทอม [10] ว่า พวกเขาพอใจมากกว่าที่จะให้ ไบเดน ไม่ลงแข่งขันรับเลือกตั้งอีกสมัย โดยผู้ออกเสียงที่คิดเช่นนี้รวมไปถึงผู้ที่ประกาศตนเป็นชาวเดโมแครตถึงกว่า 40% ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พวกที่ถือตัวเองเป็นฝ่ายซ้ายจำนวนมากคร่ำครวญว่า ชัยชนะต่างๆ ครั้งนี้จะต้องเกิดขึ้นมาอยู่แล้ว แม้ไม่มี ไบเดน [11] มันไม่ใช่เป็นเพราะ ไบเดน เลย

แต่กระทั่งถ้าหากเรตติ้งความยอมรับตัว ไบเดน เกิดสามารถกระเด้งกลับขึ้นมาได้ เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องวัยของเขาได้อยู่ดี ไบเดน ซึ่งมีอายุครบ 80 ปีบริบูรณ์ในเดือนพฤศจิกายนนี้ มีฐานะเป็นประธานาธิบดีที่แก่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกาอยู่แล้ว และหากเขาได้ครองตำแหน่งเป็นสมัยที่สอง วาระการทำงานก็จะลากยาวไปจนเขามีอายุ 86 ปี

ไบเดน ยืนกรานว่าเขายังคงมีสุขภาพดี [12] ทว่าพวกผู้ออกเสียงอาจจะคิดเห็นเป็นอย่างอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำนึงถึงอาการเงอะงะผิดพลาดอย่างน่าอับอายหลายครั้งเมื่อเร็วๆ นี้ของเขา [13] ซึ่งดูจะไปไกลเกินกว่า อาการ “หลุด” แสดงความประพฤติที่ผิดมารยาทสังคม ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายการค้าตามปกติมาอย่างยาวนานของเขา

ไม่น่าเซอร์ไพรส์อะไร จนถึงเวลานี้ตัว ไบเดน เอง แสดงท่าทีว่าเขาจะลงแข่งขันในปี 2024 [14] โดยที่คาดหมายกันว่าจะมีการประกาศการตัดสินใจเรื่องนี้อย่างแน่นอนลงไปในช่วงต้นปี 2023 นี่หมายความว่ามีเวลาอย่างน้อยที่สุดก็หลายๆ เดือนสำหรับ เดโมแครต ในการพิจารณาใคร่ครวญ เล่นเกมคาดเดากะเก็ง และตั้งข้อสมมติฐานในเรื่องที่ว่า ถ้าไม่ใช่ ไบเดนแล้ว ยังมีใครคนไหนอีกอยู่ในฐานะดีที่สุดที่จะนำพาพรรคก้าวเดินต่อไป

ถึงแม้ว่าไม่น่าจะมีใครหาญกล้าออกมาประกาศท้าทาย ไบเดน โดยตรง แต่ถ้าเขาเลือกที่จะอำลาเวทีแล้ว การแข่งขันเพื่อเป็นทายาทสืบตำแหน่งต่อจากเขาก็น่าจะเป็นการชิงชัยที่เปิดกว้างทีเดียว

ต่อไปนี้คือชาวพรรคเดโมแครต ซึ่งมีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะลงแข่งขันเพื่อเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในนามพรรค ถ้า ไบเดน ประกาศไม่ไปต่อ

รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ยังคงล้มเหลวไม่สามารถสร้างความโดดเด่นให้ตัวเธอเองจากการนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้
กมลา แฮร์ริส (Kamala Harris)

จากที่เธอดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีอยู่แล้วในขณะนี้ กมลา แฮร์ริส ควรที่จะเป็นรัชทายาทซึ่งจะสืบทอดตำแหน่งต่อจาก ไบเดน อย่างชัดแจ้ง ทว่าแม้ยังคงมีศักยภาพที่จะเป็นตัวเก็งคนสำคัญคนหนึ่ง แฮร์ริสก็ยังจำเป็นต้องดำเนินการรีแบรนด์ตัวเองอย่างจริงจัง เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้สมัครจากพรรคอย่างแน่นอน

เรตติ้งความยอมรับในตัว แฮร์ริส [15] นั้น ย่ำแย่เสียยิ่งกว่า ไบเดน อีก และชาวเดโมแครตจำนวนมากมีความรับรู้ความเข้าใจกันว่า การส่งเธอลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ก็เหมือนกับ “การฆ่าตัวตายของพรรค” [16] โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออาจจะต้องต่อกรกับพวกตัวกลั่นๆ ตัวเก๋าๆ ของรีพับลิกัน อย่างเช่น ทรัมป์ หรือดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง รอน ดีเซนทิส (Ron DeSantis) ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา [17]

ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนแรกและคนผิวสี (เชื้อสายเอเชีย) คนแรก ซึ่งก้าวขึ้นมาจนถึงตำแหน่งรองประธานาธิบดี [18] ถ้า แฮร์ริส ได้เป็นผู้สมัครและชนะการเลือกตั้งได้ครองทำเนียบขาวในปี 2024 เธอก็ย่อมจะเป็นผู้ทำสถิติใหม่เช่นนี้สำหรับตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งหนึ่ง แต่ถึงแม้ในพรรคเดโมแครต มีความกระตือรือร้นในเรื่องการกระจายอำนาจไปสู่ผู้คนที่มีภูมิหลังแตกต่างกันหลากหลาย แต่ตัว แฮร์ริส ยังอาจจะขาดไหวพริบความเฉียบคมทางการเมือง รวมทั้งขาดไร้มนตร์เสน่ห์ที่จะเอาชนะใจผู้ออกเสียงในวงกว้าง

ข้อเท็จจริงที่ว่า ไบเดน มอบหมายแบ่งหน้าที่การงานด้านการบริหารปกครองให้เธอ โดยเลือกสรรพวกรายการวาระที่มีลำดับความสำคัญระดับต่ำ มีการปรากฏตัวมองเห็นได้ในระดับต่ำ ก็จะไม่ช่วยในเรื่องการเติบโตของเธอ เช่นเดียวกับชื่อเสีย(ง)ในเรื่องการ “หลุด” และความประพฤติผิดมารยาทสังคมของตัว แฮร์ริส เอง [19] ก็จะไม่ช่วยให้ฐานะของเธอดูดีไปได้

พีต บุตติเจจ สามารถที่จะเป็นหลักหมายแสดงถึงการปรับเปลี่ยนเข้าสู่เจเนอเรชันใหม่ภายในพรรคเดโมแครต ทว่าเขาจะสามารถดึงดูดผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งในวัยอื่นๆ และพวกที่อยู่ในภูมิหลังแบบอื่นๆ ได้หรือไม่
พีต บุตติเจจ (Pete Buttigieg)

พีต บุตติเจจ สำเร็จการศึกษาจากสถาบันโด่งดังอย่างมหาวิทยาลัยฮาร์ด เคยทำงานเป็นที่ปรึกษาในบริษัทให้คำปรึกษาชื่อก้องอย่าง แมคคินซีย์ (McKinsey) และสามารถพูดได้ 8 ภาษา [20] เขาเป็นอดีตนายกเทศมนตรีของ เซาท์เบนด์ (South Bend) เมืองเล็กๆ ในรัฐอินดีแอนา และกลายเป็นที่รู้จักมีชื่อเสียงในระดับชาติระหว่างการลงชิงชัยเพื่อให้ได้รับเลือกเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครตเมื่อปี 2020 ถึงแม้เขาไปไม่ถึงฝั่งฝัน

จากนั้นเขาก็แสดงความโดดเด่นออกมาให้เห็นในฐานะรัฐมนตรีคมนาคม ในคณะบริหารไบเดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการออกตระเวนไปทั่วประเทศเพื่อโปรโมตส่งเสริมร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานปี 2022 [21] ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญยิ่งของคณะบริหารไบเดน เขาประกาศตัวเป็นชาวเกย์อย่างเปิดเผย รวมทั้งเข้าพิธีแต่งงานเป็นสามีของภรรยาที่เป็นชาย (ผู้ซึ่งเปลี่ยนมาใช้นามสกุล บุตติเจจ ภายหลังจจากสมรส -ผู้แปล) และยังมีฐานะเป็นพ่อจากการรับบุตรบุญธรรม ด้วยชีวิตส่วนตัวเช่นนี้ย่อมเป็นการนำเอาความหลากหลายอีกประเภทหนึ่งเข้ามาสู่แวดวงนักการเมืองชาวเดโมแครตผู้เสนอตัวให้ประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงโหวตเลือกตั้ง ถึงแม้เขาประสบความลำบากอยู่มากทีเดียวในการต่อสู้เพื่อให้ได้คะแนนของผู้ออกเสียงชาวผิวดำที่มีความสำคัญยิ่งยวด เมื่อตอนที่ลงแข่งขันในปี 2020 [22]

ชื่อเสียงของ บุตติเจจ ในเรื่องเป็นผู้รอบรู้ และกระตือรือร้นใฝ่ศึกษา ไปกันได้ดีกับกลุ่มประชากรซึ่งกระหายอยากได้ประธานาธิบดีที่สามารถนำเสนอนโยบายต่างๆ ได้อย่างเฉียบคมมีกึ๋น ด้วยวัยแค่ 40 ปี เขายังเป็นเสียงสะท้อนของผู้ออกเสียงกลุ่มที่มีการศึกษา อาศัยอยู่ตามตัวเมืองใหญ่ และอายุไม่มาก ถึงแม้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเขาสามารถทำได้ดีแค่ไหนกับผู้มีสิทธิกาบัตรเลือกตั้งกลุ่มอื่นๆ

กระนั้นก็ตาม มีรายงานว่า บุตติเจจ เป็นหนึ่งใน “มวยแทน” [23] ช่วยไปปราศรัยหาเสียง ซึ่งเป็นที่เรียกร้องต้องการตัวกันมากที่สุด ของพวกผู้สมัครชิงตำแหน่งต่างๆ ของเดโมแครต ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งกลางเทอมปี 2022 นี้ ขณะที่ด้วยประสบการณ์อย่างน้อย 2 ปีแล้วในการปฏิบัติหน้าที่ตรงส่วนกลางที่กรุงวอชิงตัน บุตติเจจ อาจจะอยู่ในฐานะซึ่งดีขึ้นกว่าเดิมมากในการปัดป้องเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงจรการเลือกตั้งนี้ ที่ว่าเขาขาดไร้ประสบการณ์ที่จำเป็นในด้านการบริหารปกครอง

เกรตแชม วิตเมอร์ มีบารมีภายในพรรคเดโมแครตเพิ่มขึ้นมาก จากชัยชนะในการรักษาเก้าอี้ผู้ว่าการรัฐมิชิแกนเอาไว้ได้ โดยทิ้งขาดคู่แข่งซึ่งเป็นคนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศหนุนหลัง
เกรตเชน วิตเมอร์ (Gretchen Whitmer)

หลังจากสามารถรักษาตำแหน่งผู้ว่าการของรัฐสวิงสเตท (swing state) อย่างมิชิแกน โดยมีชัยชนะเหนือผู้สมัครรีพับลิกันซึ่ง ทรัมป์ ประกาศหนุนหลัง ด้วยคะแนนทิ้งขาดในระดับตัวเลขสองหลัก อิทธิพลบารมีของ เกรตเชน วิตเมอร์ ภายในพรรคเดโมแครต ก็พุ่งทะยานขึ้นไปอีก [24]
(ในการเมืองอเมริกัน รัฐสวิงสเตท หมายถึงรัฐที่ผู้สมัครของเดโมแครตหรือของรีพับลิกัน ต่างมีโอกาสสามารถที่จะคว้าชัยชนะได้ในการเลือกตั้งระดับทั่วทั้งรัฐ สืบเนื่องจากการที่ผู้มีสิทธิออกเสียงจำนวนมากในรัฐไม่ได้มีความนิยมในพรรคหนึ่งพรรคใดอย่างชัดเจน ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/Swing_state)

จากการวางตัวเองเป็นผู้รณรงค์ต่อสู้อย่างแข็งขันในการสนับสนุนเรื่องสิทธิการทำแท้ง [25] เธอก็กลายเป็นหนึ่งในชาวพรรรคเดโมแครตที่สามารถเรียกมาใช้งานได้ เพื่อการเผชิญหน้ากับลัทธิสุดโต่งฝ่ายขวา [26] ในเวลาเดียวกัน วิตเมอร์ ยังใช้ความพยายามอย่างประสบผลในการหลีกหนีไม่ให้ถูกประทับตราว่าเป็นพวก “ชนชั้นนำจากเขตชายฝั่ง” (coastal elite) ซึ่งในวงการเมืองอเมริกันเห็นกันว่า คือการถูกระฆังมรณะลั่นประโคมใส่ โดยเฉพาะในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งระดับชาติ และสามารถผลักดันให้เกิดความโน้มเอียงมาสู่ความพึงพอใจกับสมญานาม “บิ๊ก เกรตช์” (Big Gretch) ของเธอ [27]

วิตเมอร์ แทบไม่มีประสบการณ์เอาเลยบนเวทีระดับชาติ และเธอยังห่างไกลจากการเป็นชื่อที่ชาวอเมริกันรู้จักกันแทบทุกครอบครัว แต่มีรายงานว่าตอนที่ ไบเดน สรรหาผู้ที่จะมาร่วมทีมของเขาในฐานะผู้สมัครตำแหน่งรองประธานาธิบดีเมื่อครั้งการเลือกตั้งปี 2020 นั้น เธอเป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่ในบัญชีชอร์ตลิสต์ และน่าที่จะมีเสน่ห์ดึงดูดพวกผู้ออกเสียงในประดารัฐ “อุตสาหกรรมเก่า” (rust-belt) ในแถบตะวันตกกลาง (มิดเวสต์) ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นพวกรัฐสวิงสเตท ที่มีความสำคัญยิ่งยวด

อย่างไรก็ดี วิตเมอร์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมโหฬารทีเดียวจากวิธีบริหารจัดการกับโรคระบาดใหญ่โควิด-19 แบบบังคับเข้มงวด [28] และความไม่พอใจก็ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในหมู่ชาวรีพับลิกันเท่านั้น

ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย แกวิน นิวซัม มีมนตร์เสน่ห์แบบฮอลลีวูด แต่นี่ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
แกวิน นิวซัม (Gavin Newsom)

ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย แกวิน นิวซัม ก็มีปัญหาความขัดแย้งของเขาเองจากการเมืองเรื่องโรคระบาดใหญ่โควิด-19 เช่นกัน แต่เขาก็สามารถอยู่รอดปลอดภัยในการลงคะแนนประชามติภายในรัฐเพื่อตัดสินว่าควรถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งหรือไม่เมื่อปี 2021 [29] โดยที่ได้คะแนนชนิดชนะขาด นิวซัม ผู้ซึ่งทำงานในภาคธุรกิจก่อนหันเข้าวงการเมืองอย่างจริงจัง ถูกมองกันมานานแล้วว่ามีความทะเยอทะยานอย่างเงียบๆ ที่จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ

จากการที่เขาเคยผ่านงานทั้งในตำแหน่งรองผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย และนายกเทศมนตรีเมืองซานฟรานซิสโก มาก่อนแล้วด้วย นิวซัม จึงมีประวัติการทำงานชนิดที่ดูพรักพร้อมสำหรับช่วงไพรม์ไทมส์ อย่างน้อยที่สุดก็บนแผ่นกระดาษล่ะ

เรื่องที่ นิวซัม ถูกกล่าวหาถูกโจมตีอยู่บ่อยๆ ก็คือ เขาเป็นคนเรียบๆ อ่อนโยนเกินไป และ “ฮอลลีวูด” เกินไป [30] นอกจากนั้น ในฐานะที่เป็นผู้นำของแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นรัฐ “สีน้ำเงิน” ที่ออกเสียงให้พรรคเดโมแครตอย่างเหนียวแน่น เขาจึงถูกมองว่าไม่ได้สร้างผลงานอะไรเท่าไหร่ให้แก่การเลือกตั้งระดับชาติในองค์รวม

กระนั้น นิวซัม ก็อยู่ในตำแหน่งซึ่งสามารถที่จะสร้างโปรไฟล์ของตัวเองให้เกรียวกราววิ๊ดบึ้มได้ในช่วงปีหน้า ด้วยการมีกองทุนรณรงค์หาเสียงจำนวน 24 ล้านดอลลาร์อยู่ในมือ [31] และความสำคัญโดดเด่นทางการเมืองที่มาพร้อมกับการเป็นผู้บริหารของหนึ่งในรัฐใหญ่ที่สุดของประเทศ

วุฒิสมาชิก เอมี คลอบูชาร์ ไม่ใช่ตัวเก็งที่โดดเด่น แต่ได้ชื่อว่ามีความเป็นผู้นำ ทรงประสิทธิภาพ และทำอะไรโดยคำนึงถึงผลทางปฏิบัติ
เอมี คลอบูชาร์ (Amy Klobuchar)

เอมี คลอบูชาร์ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ อาวุโสจากรัฐมินนิโซตา ได้รับการยกย่องชมเชยจากพวกผู้รู้เมื่อครั้งที่เธอลงแข่งขันไพรมารีเพื่อเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2020 ในเรื่องแบบแผนวิธีดำเนินการทางการเมืองที่เน้นผลเชิงปฏิบัติ คลอบูชาร์ ซึ่งได้รับเรตติ้งเป็นวุฒิสมาชิกของเดโมแครต “ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด” จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลต์ (Vanderbilt University) เมื่อเร็วๆ นี้ [32] ไม่ได้มีแสงสีเจิดจ้าน่าตื่นเต้นพิศวงเสียเลยเมื่อพิจารณาในแง่มุมความรู้สึกตามแบบแผนประเพณี –อันที่จริง เธอกระทั่งถูกมองว่าเป็นคนน่าเบื่อด้วยซ้ำไป

กระนั้น เธอก็มีชื่อเสียงเกียรติคุณในเรื่องความเป็นผู้นำ โดยเวลานี้เป็นประธานของทั้งคณะกรรมาธิการกฎระเบียบและการบริหารของวุฒิสภา (Senate rules committee) และคณะอนุกรรมการการยุติธรรมของวุฒิสภา ว่าด้วยนโยบายการแข่งขัน การต่อต้านการผูกขาด และสิทธิผู้บริโภค (the judiciary subcommittee on competition policy, antitrust, and consumer rights)

ชาวเดโมแครตจำนวนมากจะไม่เลือก คลอบูชาร์ เป็นชื่อแรกเพื่อให้ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ถึงแม้ว่าประโยคหนึ่งที่เธอชื่นชอบนำมากล่าวอยู่บ่อยๆ ในตอนรณรงค์หาเสียงปี 2020 ก็คือ ในชีวิตของเธอไม่เคยพ่ายแพ้ในการรณรงค์หาเสียงครั้งไหนๆ เลย [33] (แต่ความต่อเนื่องดังกล่าวนี้มีอันสิ้นสุดลงเสียแล้ว เมื่อเธอถอนตัวจากการแข่งขันเป็นผู้สมัครของเดโมแครตครั้งนั้น และหันมาให้ความสนับสนุนแก่ ไบเดน)

กระนั้น ในสภาพที่สนามแข่งของเดโมแครตยังไม่ได้มีตัวเก็งนำหน้าที่ชัดเจน คลอบูชาร์ –ผู้ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะคอยระวังตัวหลีกเลี่ยงไม่ทำความผิดพลาดในการเดินหมากทางการเมืองสำคัญๆ (ถึงแม้เธอมัวหมองจากการถูกกล่าวหาอยู่หลายครั้งว่าปฏิบัติอย่างไม่สมควรกับผู้คนที่ทำงานให้เธอ) [34] –ก็อาจกลายเป็นผู้สมัครที่มีโอกาสขึ้นมาได้จากกระบวนการธรรมดาๆ ที่ผู้แข่งขันถูกตัดออกทีละคนๆ จนเหลือน้อยรายลงไปเรื่อยๆ

ด้วยอายุในหลัก 80 ปี มากกว่า โจ ไบเดน เสียอีก ยังไม่แน่ว่า วุฒิสมาชิก เบอร์นี แซนเดอร์ส ผู้ประกาศตัวเป็น “นักสังคมนิยมประชาธิปไตย” จะลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกรอบหนึ่งในปี 2024 หรือไม่
เบอร์นี แซนเดอร์ส (Bernie Sanders)

ในวัย 81 ปี เบอร์นี แซนเดอร์ส ย่อมไม่ใช่เป็นตัวเลือกที่จะใช้สำหรับการแก้ปัญหาเรื่องเป็นคนสูงวัยของ ไบเดน ถึงแม้การเปลี่ยนตัวอาผู้สมัครที่มีอยู่วัย 80 คนหนึ่งมาแทนที่อีกคนหนึ่งอาจจะดูไม่สมเหตุผล แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย

แซนเดอร์ส นักเสรีนิยมผู้สนับสนุนการให้ภาครัฐมีบทบาทมากๆ การมีรัฐบาลขนาดใหญ่ๆ และเรียกตัวเองว่าเป็น “นักสังคมนิยมประชาธิปไตย” (“democratic socialist) [35] เขาไม่ใช่มีแค่เพียงผู้ติดตามที่ศรัทธาบูชาเขาในหมู่ผู้คนที่เรียกขานกันว่า “พี่น้องเบอร์นี” (Bernie Bros.) อันมีชื่อเสียงของเขาเท่านั้น แต่เขายังเป็นผู้สมัครต่างพรรคที่มีเสน่ห์ดึงดูดมากที่สุดสำหรับพวกที่เคยออกเสียงให้ ทรัมป์ อีกด้วย [36]

แซนเดอร์ส ผู้เคยลงแข่งขันเพื่อเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีทั้งในปี 2016 และปี 2020 ใช้เวลาทั้งชีวิตไปในความพยายามต่อสู้เอาชนะความไม่เท่าเทียม โดยใช้วิธีขยายการให้สิทธิพิเศษแก่กลุ่มผู้ด้อยโอกาสต่างๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่การลงแข่งขันอีกคำรบหนึ่งในปี 2024 ซึ่งน่าจะเป็น “การไชโยโห่ร้องครั้งสุดท้าย” แล้วของ แซนเดอร์ส อาจจะเป็นเรื่องของการเน้นย้ำให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจมากกว่าการมุ่งหวังชัยชนะ แต่ถึงอย่างไร ชื่อเสียงเกียรติคุณของเขาย่อมเป็นสิ่งที่ยากจะมองเมินไม่ให้ราคา

แต่ถ้า แซนเดอร์ส เลือกที่จะไม่ลงแข่งขัน ส.ส.หญิง อเล็กซานเดรีย โอคาซิโอ-คอร์เตซ (Alexandria Ocasio-Cortez) [37] ก็ดูมีโอกาสมากที่สุดที่จะเป็นทายาทสืบทอดการต่อสู้ของเขา ขณะที่ ส.ว.หญิง เอลิซาเบธ วอร์เรน (Elizabeth Warren) [38] ก็อาจพิจารณาลงแข่งขันอีกครั้งหนึ่งเช่นกัน

ความเคลื่อนไหวทั้งหมดเหล่านี้ ในเวลานี้ขึ้นอยู่กับตัว ไบเดน เขาเพิ่งพูดเอาไว้เมื่อไม่นานมานี้ว่า เขาจะ “ไม่รู้สึกผิดหวังเลย” ที่จะประจันหน้ากับ ทรัมป์ อีกครั้งในศึกล้างตา [39] และการตอบโต้เมื่อเร็วๆ นี้ของเขาต่อพวกนักวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ต้องการให้เขาลงสมัครอีก ก็คือ “รอดูผมแล้วกัน” [40] สำหรับเวลานี้ ท่าทีเช่นนี้ของ ไบเดน ทำให้ผู้วาดหวังจะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนอื่นๆ –ตลอดจนฐานเสียงของเดโมแครต – ต้องเฝ้าติดตาม และเฝ้ารอคอย

จูลี เอ็ม นอร์แมน เป็นรองศาสตราจารย์ด้านการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และผู้อำนวยการร่วมของศูนย์ว่าด้วยการเมืองสหรัฐฯ (Centre on US Politics) มหาวิทยาลัย UCL (University College London) ส่วน โธมัส กิฟต์ ก็เป็นรองศาสตราจารย์ และผู้อำนวยการของศูนย์ว่าด้วยการเมืองสหรัฐฯ มหาวิทาลัย UCL เช่นกัน

(ข้อเขียนนี้มาจากเว็บไซต์ เดอะ คอนเวอร์เซชั่น https://theconversation.com/ โดยติดตามอ่านข้อเขียนดั้งเดิมชิ้นนี้ได้ที่ https://theconversation.com/four-more-years-joe-biden-and-other-democratic-hopefuls-for-the-2024-presidential-nomination-194840)

เชิงอรรถ

[1] https://www.bbc.co.uk/news/world-us-canada-63569850
[2]https://edition.cnn.com/2022/11/13/politics/democrats-biden-midterm-elections-senate-house/index.html
[3]https://projects.fivethirtyeight.com/biden-approval-rating/
[4]https://www.theguardian.com/commentisfree/2022/nov/10/why-democrats-had-best-midterms-presidents-party-years
[5]https://www.cnbc.com/2022/11/09/midterm-election-results-trump-candidates-disappoint-on-election-day.html
[6] https://www.wsj.com/articles/donald-trump-is-the-gops-biggest-loser-midterm-elections-senate-house-congress-republicans-11668034869
[7]https://www.cnn.com/2022/11/15/politics/trump-2024-presidential-bid/index.html
[8] https://www.ft.com/content/e34bec7c-f813-463d-ae00-a8458bf6c437
[9]https://www.independent.co.uk/news/world/americas/us-politics/biden-2024-poll-democrats-b2175636.html
[10] https://www.theguardian.com/us-news/2022/nov/10/joe-biden-2024-president-election
[11]https://www.nytimes.com/2022/11/13/us/politics/biden-2024-election.html
[12] https://www.theguardian.com/us-news/2022/nov/10/joe-biden-2024-president-election
[13]https://www.nytimes.com/2022/11/10/opinion/biden-democrat-2024.html
[14] https://www.theguardian.com/us-news/2022/nov/10/joe-biden-2024-president-election
[15]https://projects.fivethirtyeight.com/polls/approval/kamala-harris/
[16]https://www.nytimes.com/2022/11/10/opinion/biden-democrat-2024.html
[17] https://theconversation.com/ron-desantis-the-florida-governor-who-may-steal-the-republican-nomination-from-under-his-mentor-donald-trumps-nose-194423
[18]https://www.nytimes.com/2020/11/07/us/politics/kamala-harris.html
[19]https://www.foxnews.com/politics/kamala-harris-gaffes-awkward-moments
[20]https://www.theatlantic.com/health/archive/2019/04/pete-buttigiegs-polygot-magic/588169/
[21]https://www.politico.com/news/2022/09/01/pete-buttigieg-infrastructure-law-campaign-00054427
[22]https://www.washingtonpost.com/politics/pete-buttigieg-a-self-described-outsider-couldnt-persuade-black-voters-he-understood-their-struggle/2020/03/02/663030ca-5b36-11ea-9b35-def5a027d470_story.html
[23]https://thehill.com/homenews/campaign/3731647-ranking-the-democrats-who-could-run-for-president-in-2024/
[24]https://thehill.com/homenews/campaign/3731647-ranking-the-democrats-who-could-run-for-president-in-2024/
[25]https://www.latimes.com/politics/story/2022-11-07/abortion-rights-gretchen-whitmer-tudor-dixon-michigan-governor
[26]https://www.nytimes.com/2022/09/07/opinion/michigan-right-wing-extremism.html
[27]https://www.freep.com/story/news/local/michigan/2020/05/04/gretchen-whitmer-big-gretch-rap-song/3077499001/
[28] https://www.reuters.com/article/us-health-coronavirus-michigan-governor-idUSKBN22W2V0
[29]https://www.npr.org/2021/09/14/1035848090/california-recall-governor-newsom-results-elder
[30]https://www.lamag.com/citythinkblog/gavin-newsom-hollywood/
[31] http://www.apple.com/
[32]https://news.vanderbilt.edu/2019/02/28/grassley-klobuchar-most-effective-senators-of-115th-congress-according-to-study/
[33]https://www.rollcall.com/2019/10/02/how-klobuchar-won-where-other-democrats-havent/
[34]https://www.nytimes.com/2019/02/22/us/politics/amy-klobuchar-staff.html
[35] https://www.newyorker.com/news/q-and-a/how-socialist-is-bernie-sanders
[36]https://www.washingtonexaminer.com/news/campaigns/bernie-sanders-democrats-guts-court-trump-voters-meet-the-press
[37]https://thehill.com/homenews/house/3578887-the-memo-no-really-what-if-alexandria-ocasio-cortez-runs-for-president/
[38]https://www.foxnews.com/video/6315260259112
[39]https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-07-13/biden-would-not-be-disappointed-with-trump-rematch-in-2024
[40]https://www.foxnews.com/video/6315260259112


กำลังโหลดความคิดเห็น