องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ให้คำมั่นจะส่งมอบอาวุธช่วยเหลือยูเครนเพิ่มเติม รวมถึงซ่อมแซมระบบไฟฟ้าและพลังงานที่พังเสียหายจากการยิงถล่มของรัสเซีย ขณะเดียวกัน ก็ประณามรัฐบาลหมีขาวว่าจงใจใช้ฤดูหนาวเป็นอาวุธช่วงชิงความได้เปรียบในสงคราม
รัสเซียได้เปิดปฏิบัติการโจมตีหลายระลอก โดยพุ่งเป้าไปที่ระบบโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานของยูเครน ส่งผลให้พลเมืองนับล้านๆ คนต้องใช้ชีวิตอยู่ในความมืดท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ
สภาพอากาศในกรุงเคียฟช่วงนี้มีหิมะตกและอุณหภูมิลดต่ำลงถึงจุดเยือกแข็ง ขณะที่ประชาชนทั้งในและรอบๆ เมืองหลวงต้องพยายามหาวิธีสร้างความอบอุ่นให้บ้านเรือน
เจ้าหน้าที่การไฟฟ้ายูเครนเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า เวลานี้มีลูกค้าในกรุงเคียฟราว 985,500 รายที่ประสบปัญหาไฟฟ้าดับ
ดมิโตร คูเลบา รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศยูเครน แถลงต่อที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศนาโตที่กรุงบูคาเรสต์ของโรมาเนียในสัปดาห์นี้ว่า สิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับยูเครนในเวลานี้คือ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า หม้อแปลง และระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ล้ำสมัย พร้อมเรียกร้องให้กลุ่มนาโตจัดส่งสิ่งของเหล่านี้ให้แก่เคียฟ “เร็วยิ่งขึ้นอีก”
“ถ้าเรามีหม้อแปลงและเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เราจะสามารถฟื้นฟูระบบการจ่ายไฟ และทำให้ประชาชนมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้” คูเลบา กล่าว
“และหากเรามีระบบป้องกันภัยทางอากาศ เราก็จะสามารถปกป้องโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ให้ปลอดภัยจากขีปนาวุธรัสเซียได้”
รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนยังกล่าวย้ำตรงๆ ว่า สิ่งที่ยูเครนต้องการมากที่สุดคือ “หม้อแปลงไฟฟ้า และระบบป้องกันขีปนาวุธแพทริออต (Patriot)” ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ
ข้อเรียกร้องดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ เยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการนาโต ออกมากล่าวหาประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียว่าจงใจยิงถล่มโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน และใช้ “ฤดูหนาว” เป็นอาวุธสงครามเล่นงานยูเครน โดยเขาเชื่อว่ารัสเซียมีแนวโน้มที่จะโจมตีระบบไฟฟ้าของยูเครนต่อไปอีก เนื่องจากปฏิบัติการภาคพื้นดินของพวกเขาประสบความพ่ายแพ้ต่อเนื่อง พร้อมทั้งเตือนให้ยุโรปเตรียมรับมือกับ “คลื่นผู้ลี้ภัย” ระลอกใหม่ด้วย
สโตลเตนเบิร์ก ยืนยันว่า นาโตพร้อมที่จะช่วยยูเครนซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน และจะยังคงจัดส่งอาวุธ รวมถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศเพื่อให้เคียฟสามารถป้องกันตนเองได้
“นาโตไม่ได้มีส่วนร่วมในสงครามครั้งนี้ก็จริง แต่เราพร้อมจะสนับสนุนยูเครนต่อไปอีกตราบนานเท่านาน และเราจะไม่ล่าถอย” เลขาฯ นาโต กล่าว
ในส่วนของระบบแพทริออตนั้น สโตลเตนเบิร์ก ยอมรับว่านาโต “กำลังมีหารือกันอยู่” ทว่าจนถึงขณะนี้รัฐสมาชิกส่วนใหญ่ รวมถึงสหรัฐฯ เองยังคงปฏิเสธที่จะส่งระบบดังกล่าวให้แก่เคียฟ
ดมิตรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซียและพันธมิตรคนสำคัญของ ปูติน ได้ออกมาเบรกนาโตไม่ให้ส่งระบบขีปนาวุธแพทริออตให้แก่ยูเครนโดยเด็ดขาด พร้อมเตือนว่านาโตจะกลายเป็น “องค์กรอาชญากรรม” หากมอบระบบอาวุธดังกล่าวให้ “พวกยูเครนที่กำลังบ้าคลั่ง”
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศว่าวอชิงตันจะมอบเงินช่วยเหลือ 53 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนเคียฟในการจัดซื้ออุปกรณ์จ่ายไฟฟ้าที่จำเป็น ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสของอเมริกาอีกคนก็ยืนยันว่า ความช่วยเหลือนี้ “ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย” เนื่องจากรัฐบาล โจ ไบเดน ได้เตรียมจัดสรรงบอุดหนุนด้านพลังงานสำหรับยูเครนและมอลโดวาเอาไว้ถึง 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แม้อาวุธที่นาโตส่งให้ยูเครนจะมีมูลค่านับหลายพันล้านดอลลาร์ แต่รัฐบาลเคียฟย้ำว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการจริงๆ คือระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ทันสมัย รถถัง และขีปนาวุธพิสัยไกลที่จะสามารถผลักดันรัสเซียให้เป็นฝ่ายล่าถอย
อย่างไรก็ตาม รัฐสมาชิกนาโตบางรายเริ่มกังวลว่า การส่งอาวุธไปช่วยเคียฟแบบไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ทำให้คลังแสงของพวกเขาเองเริ่มจะร่อยหรอลงไปมาก
นายกรัฐมนตรี โอลาฟ ชอลซ์ แห่งเยอรมนี บอกกับประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนว่า เบอร์ลินจะจัดส่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้า จำนวน 350 ตัวไปให้ และจะมอบเงินสนับสนุนเพื่อซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานให้อีก 56 ล้านยูโร ขณะที่ เซเลนสกี ยอมรับว่าทั้ง 2 ฝ่ายได้มีการเจรจาความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคีและสถาบันระหว่างประเทศ
“มันชัดเจนว่า เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการสกัดกั้นการก่อการร้ายด้วยขีปนาวุธ ฟื้นฟูพลังงาน และความมั่นคงทางอาหาร” เซเลนสกี แถลงเมื่อค่ำวันอังคาร (29) พร้อมระบุว่า “สถานการณ์ในพื้นที่แนวหน้าค่อนข้างยากลำบาก”
ถึงแม้รัสเซียจะเป็นฝ่ายสูญเสียอย่างหนัก แต่กองกำลังผู้ยึดครองยังคงพยายามที่จะรุกคืบเข้ามาในโดเนตสก์ ลูฮันสก์ คาร์คีฟ และกำลังวางแผนทำอะไรบางอย่างในภาคใต้”
- ยูเครนยังไร้วี่แววเข้า ‘นาโต’
นาโตชี้ว่า การประชุมที่บูคาเรสต์สะท้อนถึงความเป็นหนึ่งเดียวของรัฐสมาชิกที่จะสนับสนุนยูเครนต่อไป ในขณะที่สงครามซึ่งรัสเซียเป็นผู้ก่อยืดเยื้อเข้าสู่เดือนที่ 10
อย่างไรก็ตาม กลุ่มพันธมิตรยังไม่ได้มีความคืบหน้าใดๆ ในกระบวนการรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกใหม่ และเพียงแต่ย้ำคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้เมื่อ 14 ปีก่อนว่าเคียฟจะได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของนาโต “ในสักวันหนึ่ง”
สโตลเตนเบิร์ก ยืนยันว่า นาโตยังคง “เปิดประตู” พร้อมรับสมาชิกใหม่ ทว่าเป้าหมายสำคัญในตอนนี้คือการช่วยเหลือยูเครนให้สามารถต้านทานการบุกของรัสเซียได้
โอเล็กซี อเรสโตวิช ผู้ช่วยของเซเลนสกี ออกมาแถลงในเชิงบวกว่า “มีคำประกาศที่สำคัญและเป็นรูปธรรมมากมายในการประชุมครั้งนี้... ยูเครนจะสามารถเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตร (นาโต) ได้หลังจากที่สงครามสงบลง และการสนับสนุนที่นาโตมอบให้แก่ยูเครนก็จะถูกขยายเพิ่มเติม ทั้งในด้านพลังงานและการทหาร”
นอกจากประเด็นเรื่องสงครามยูเครนแล้ว การประชุมรัฐมนตรีนาโตในครั้งนี้ยังมีความคืบหน้าในส่วนของแผนการรับ “ฟินแลนด์” และ “สวีเดน” เข้าเป็นสมาชิกใหม่ โดยขณะนี้มีรัฐนาโตที่ให้สัตยาบันรับรองแล้ว 28 จากทั้งหมด 30 ประเทศ และยังรอเพียงไฟเขียวจากตุรกี กับฮังการีเท่านั้น
