ยูเครนกล่าวหารัสเซียในวันเสาร์ (26 พ.ย.) กำลังคืนชีพกลยุทธ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของโจเซฟ สตาลิน ระหว่างที่เคียฟรำลึกถึงความอดอยากในยุคสมัยหนึ่ง ครั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ที่คร่าชีวิตชาวยูเครนหลายล้านคนในช่วงฤดูหนาวปี 1932-33
วันระลึกถึงเหตุทุพภิกขภัยครั้งใหญ่ หรือฮอโลโดมอร์ (Holodomor) มีขึ้นในขณะที่ยูเครนกำลังสู้รบขับไล่การรุกรานของกองกำลังรัสเซีย และจัดการกับปัญหาไฟฟ้าดับในวงกว้าง อันมีต้นตอจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของมอสโก ซึ่งเคียฟระบุว่ามีเป้าหมายเพื่อทำลายความมุ่งมั่นและขวัญกำลังใจในการสู้รบของประชาชน
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เขียนบนเทเลแกรมว่า "เป็นอีกครั้งที่พวกเขาต้องการทำลายเราด้วยความหิวโหย ซึ่งตอนนี้มาพร้อมกับความมืดมิดและหนาวเหน็บ เราไม่อาจอ่อนกำลังลงได้"
ฮอโลโดมอร์ ซึ่งแปลคร่าวๆ ก็คือ "ความตายจากความอดอยาก" เริ่มกลับเข้ามาอยู่ในความทรงจำของผู้คนชาวยูเครนมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่เหตุปฏิวัติไมดานปี 2014 ขับไล่ประธานาธิบดีที่ได้รับการหนุนหลังจากรัสเซีย และเพิ่มสานึกของความเป็นชาติ (National Consciousness)
ในเดือนกันยายน 1932 สตาลิน ผู้นำรัสเซีย ส่งตำรวจเข้ายึดธัญพืชและปศุสัตว์ทั้งหมดจากระบบบนารวมของคนยูเครน ในนั้นรวมถึงเมล็ดพันธุ์ที่จำเป็นสำหรับปลูกในฤดูกาลถัดไป
ชาวชนบทยูเครนหลายล้านคนอดอยากตายหลายเดือนหลังจากนั้น ในสิ่งที่ ทิโมธี สไนเดอร์ นักประวัติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเยล เรียกว่าเป็น "การฆาตกรรมหมู่แบบไตร่ตรองไว้ก่อนอย่างชัดแจ้ง"
อันดรีย์ เยอร์มัค หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบประธานาธิบดียูเครน ระบุว่า "รัสเซียจะต้องชดใช้เหยื่อฮอโลโดมอร์ทุกคน และตอบคำถามสำหรับอาชญากรรมของวันนี้"
รัสเซียเล็งเป้าหมายเล่นงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทั่วยูเครนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผ่านปฏิบัติการโจมตีทางอากาศระลอกแล้วระลอกเล่า ซึ่งก่อไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง และเข่นฆ่าพลเรือนไปหลายชีวิต
เซเลนสกี ยอมรับเมื่อวันศุกร์ (25 พ.ย.) ว่าชาวยูเครนหลายล้านคนยังคงอยู่โดยไม่มีไฟฟ้าใช้ สืบเนื่องจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศหลายระลอกในช่วงกลางสัปดาห์
อาร์เทม อันโตเนนโก ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดวัย 23 ปี บอกกับรอยเตอร์จากกรุงเคียฟ ว่า "ฤดูหนาวเป็นเรื่องยากลำบากอยู่ก่อนแล้ว และหากทุกอย่างยังคงเป็นไปในทิศทางเดิม เมื่อนั้นมันจะคล้ายคลึงอย่างมากกับสิ่งที่เราได้อ่านในหนังสือประวัติศาสตร์"
รัสเซียยืนยันว่าพวกเขาไม่ได้เล็งเป้าหมายเล่นงานพลเรือน แต่ในวันพฤหัสบดี (24 พ.ย.) บอกว่าเคียฟสามารถจบความทุกข์ทรมานนี้ได้ ด้วยการทำตามข้อเรียกร้องของรัสเซียในการคลี่คลายวิกฤตสงคราม
ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันเสาร์ (26 พ.ย.) กระทรวงการต่างประเทศยูเครน กล่าวหามอสโกกำลังคืนชีพกลยุทธ์ในช่วงทศวรรษ 1930 "ในวาระครบรอบ 90 ปีฮอโลโดมอร์ในยูเครน สงครามรุกรานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของรัสเซียกำลังเสาะหาเป้าหมายเดียวกับเมื่อครั้งระหว่างฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปี 1932-1933 กำจัดคนยูเครนและความเป็นรัฐของยูเครน"
มอสโกปฏิเสธว่าความตายเหล่านั้นไม่ได้มีต้นตอจากนโยบายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยเจตนา และบอกว่าชาวรัสเซียและกลุ่มคนชาติพันธุ์อื่นๆ ก็ทุกข์ทรมานสืบเนื่องจากความอดอยากเช่นกัน
ปกติแล้วชาวยูเครนจะระลึกวาระครบรอบเหตุทุพภิกขภัยครั้งใหญ่ ด้วยการจุดเทียนและตั้งเอาไว้บริเวณหน้าต่างบ้าง ขณะที่วันรำลึกนี้ถูกกำหนดขึ้นมาหลังจากยูเครนได้รับเอกราชจากสหภาพโซเวียตในปี 1991 และมีขึ้นในวันเสาร์สัปดาห์ที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เปรียบเทียบสงครามของรัสเซียในยูเครน กับสิ่งที่พระองค์เรียกว่า "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อันน่าสยดสยองของยุคสลาติน"
กระทรวงการต่างประเทศยูเครนประณามในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าความพยายามของรัสเซียในปัจจุบัน ในการใช้อาหารเป็นอาวุธ ด้วยการบ่อนทำลายข้อตกลงที่มีสหประชาชาติเป็นคนกลาง สำหรับปลดล็อกการส่งออกธัญพืชของยูเครนผ่านทะเลดำ
เยนส์ สโลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้ แสดงความคิดเห็นคล้ายกันในวันเสาร์ (26 พ.ย.) ระหว่างกล่าวผ่านวิดีโอลิงก์กับที่ประชุมด้านความมั่นคงทางอาหารนานาชาติ ในกรุงเคียฟ ซึ่งมีบรรดาผู้นำยุโรปคนอื่นๆ เข้าร่วมด้วย "วันนี้ รัสเซียกำลังใช้ความหิวโหยเป็นอาวุธเล่นงานยูเครน ก่อความแตกแยกและบั่นทอนเสถียรภาพทั่วทุกมุมโลก"
(ที่มา : รอยเตอร์)