ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน จัดการหารือกันเป็นเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในวันจันทร์ (14 พ.ย.) ในการพบปะกันแบบเจอหน้ากันจริงๆ ครั้งแรกนับแต่ที่ผู้นำอเมริกันผู้นี้ขึ้นครองทำเนียบขาว ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะ “บริหารจัดการ” ความแตกต่างระหว่างมหาอำนาจทั้งสอง ขณะที่พวกเขาแข่งขันกันเพื่อชิงอิทธิพลบารมีในทั่วโลก ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งทางเศรษฐกิจและด้านความมั่นคง
ในคำแถลงของฝ่ายทำเนียบขาวที่ออกมาหลังจากหารือระบุว่า ไบเดน บอกกับ สี ว่า สหรัฐฯ จะ “ยังคงแข่งขันอย่างแข็งขัน” กับจีน ทว่า “การแข่งขันนี้ไม่ควรหันเหไปเป็นความขัดแย้ง”
ทำเนียบขาวบอกว่า ผู้นำทั้งสองยังเห็นพ้องกันว่า “สงครามนิวเคลียร์เป็นสิ่งที่ไม่สมควรจะให้เกิดการสู้รบขึ้นมาเลย” และเป็นสงครามที่จะไม่มีใครชนะ พร้อมกับย้ำถึงการที่พวกเขาคัดค้านการใช้ หรือการคุกคามว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครน”
คำแถลงของทำเนียบขาวกล่าวด้วยว่า ไบเดนได้แสดงการคัดค้านจีนที่มี “การกระทำอย่างมุ่งใช้อำนาจบังคับและมีความก้าวร้าวขึ้นเรื่อยๆ” ต่อไต้หวัน นอกจากนั้น เขายังหยิบยกแสดงความกังวลทางด้านสิทธิมนุษยชน สืบเนื่องจากการดำเนินการของปักกิ่งในซินเจียง ทิเบต และฮ่องกง
สำหรับฝ่ายจีนระบุว่า สี บอกกับ ไบเดน ว่า โลกใหญ่เพียงพอสำหรับที่ประเทศทั้งสองของพวกเขาจะเจริญรุ่งเรืองและก็แข่งขันกัน ขณะเดียวกัน ก็เตือนวอชิงตันอย่าได้ข้าม “เส้นสีแดงห้ามล่วงล้ำ” ในเรื่องไต้หวัน ของปักกิ่ง
ตามคำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศจีนในปักกิ่ง สี พูดกับ ไบเดน ว่า “ภายใต้สภาวการณ์ปัจจุบัน จีนและสหรัฐฯ มีผลประโยชน์ร่วมกันที่มากขึ้น ไม่ใช่น้อยลง”
ปักกิ่งไม่ได้มุ่งหาทางที่จะท้าทายสหรัฐฯ หรือ “เปลี่ยนแปลงระเบียบระหว่างประเทศที่มีอยู่ในปัจจุบัน” สีกล่าว พร้อมกับเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่าย “แสดงความเคารพกันและกัน”
แต่ สี ก็เตือน ไบเดน ว่าอย่าได้ข้ามเส้นสีแดงของปักกิ่งในเรื่องไต้หวัน
“คำถามเรื่องไต้หวันคือส่วนที่เป็นแกนกลางอย่างยิ่งในบรรดาผลประโยชน์แกนกลางทั้งหลายของจีน เป็นส่วนรากฐานของพื้นฐานทางการเมืองแห่งความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ และก็เป็นเส้นสีแดงเส้นแรกที่จักต้องไม่มีการล่วงล้ำในความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ” กระทรวงการต่างประเทศแดนมังกร ระบุว่า สีกล่าวกับ ไบเดน เช่นนี้ และพูดด้วยว่า “การแก้ไขคำถามว่าด้วยไต้หวันนั้น เป็นเรื่องของคนจีน”
คำแถลงบอกด้วยว่า ผู้นำทั้งสองยังได้หารือกันเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน โดยที่ สี บอกกับ ไบเดน ว่า จีน “มีความกังวลอย่างลึกซึ้ง” เกี่ยวกับการสู้รบขัดแย้งนี้
“จีนยืนหยัดเรื่อยมาที่จะอยู่ข้างสันติภาพ และก็จะดำเนินการส่งเสริมสนับสนุนการเจรจาสันติภาพต่อไป” คำแถลงของฝ่ายจีนอ้างคำกล่าวของ สี
“เราสนับสนุนและตั้งตาคอยให้มีการฟื้นฟูการหารือสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน”
สำหรับบรรยายกาศของการพบปะคราวนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเริ่มต้นการหารือที่รอคอยกันมานาน ไบเดน กับ สี ได้จับมือกันหน้าธงชาติจีน-อเมริกาในห้องบอลรูมของโรงแรมมูเลีย บนเกาะบาหลี อินโดนีเซีย ทั้งนี้ บาหลีเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดกลุ่มจี20 ปีนี้ ที่จะเริ่มต้นขึ้นในวันอังคาร (15) และผู้นำทั้งสองต่างเข้าร่วม
ไบเดน ซึ่งนั่งตรงข้ามสี กล่าวว่า ปักกิ่งและวอชิงตันมีความรับผิดชอบร่วมกันในการแสดงให้โลกเห็นว่า จีนและอเมริกาสามารถจัดการความคิดเห็นที่แตกต่าง ป้องกันไม่ให้การแข่งขันกลายเป็นความขัดแย้ง ตลอดทั้งหาวิธีร่วมมือกันในประเด็นเร่งด่วนของโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและความมั่นคงด้านอาหาร
ก่อนหน้าเข้าสู่ห้องประชุม ไบเดนกล่าวต่อหน้าผู้สื่อข่าวว่า ตนมุ่งมั่นที่จะเปิดช่องทางการสื่อสารทั้งระดับส่วนตัวและรัฐบาลกับปักกิ่ง
ด้านสี ผู้นำทรงอิทธิพลที่สุดของจีนในรอบหลายทศวรรษ ขานรับว่า จีนและอเมริกาต้องจัดการความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างเหมาะสม และหาเส้นทางที่ถูกต้องสำหรับความสัมพันธ์ทวิภาคีและการยกระดับความสัมพันธ์เพื่อตอบสนองความคาดหวังของทั่วโลก และสำทับว่า เขารอคอยที่จะได้ร่วมมือกับไบเดนเพื่อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันอาทิตย์ (13) ไบเดนกล่าวกับผู้นำเอเชียในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กัมพูชาว่า อเมริกาจะเปิดช่องทางการติดต่อกับจีนเพื่อป้องกันความขัดแย้ง
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์วอชิงตัน-ปักกิ่งตกต่ำถึงขีดสุดจากประเด็นมากมายตั้งแต่ฮ่องกง ไต้หวัน ทะเลจีนใต้ แนวทางปฏิบัติทางการค้า จนถึงการที่อเมริกาใช้มาตรการบีบคั้นจำกัดด้านเทคโนโลยีกับจีน
กระนั้น เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยว่า มีความพยายามอย่างเงียบๆ จากทั้งปักกิ่งและวอชิงตันในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
นอกจากนั้นเมื่อวันจันทร์ เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวในบาหลีว่า การพบกันระหว่างไบเดนกับสีมีจุดประสงค์เพื่อฟื้นเสถียรภาพความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับจีน และสร้างสภาพแวดล้อมที่แน่นอนสำหรับธุรกิจอเมริกัน
เยลเลน เสริมว่า ไบเดนอธิบายกับจีนชัดเจนในประเด็นข้อกังวลด้านความมั่นคงของชาติเกี่ยวกับการตั้งข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีอ่อนไหวของอเมริกา ทั้งยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับความไว้วางใจได้ของห่วงโซ่อุปทานของจีนสำหรับสินค้าโภคภัณฑ์อย่างแร่ธาตุ
ไบเดน และสีที่เคยหารือทางโทรศัพท์หรือวิดีโอกัน 5 ครั้งนับจากไบเดนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อต้นปีที่แล้วนั้น ได้พบกันแบบเจอตัวจริงๆ ครั้งล่าสุดในคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งไบเดนรับตำแหน่งรองประธานาธิบดี
ทำเนียบขาวแถลงว่า การพบกันครั้งล่าสุดไม่มีแนวโน้มว่าจะมีการออกแถลงการณ์ร่วม
ขณะที่รอยเตอร์คาดว่า ประเด็นหลักในการหารือของไบเดน และสีจะเป็นเรื่องไต้หวัน ยูเครน และความทะเยอทะยานด้านนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งล้วนเป็นประเด็นสำคัญในการประชุมผู้นำจี20 ซึ่งประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ไม่ได้เดินทางเข้าร่วมด้วย
เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย จะเป็นตัวแทนปูตินในซัมมิตจี20 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกนับจากรัสเซียบุกยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ โดยเครมลินระบุว่า ปูตินมีงานล้นมือจนไม่สามารถไปประชุมเองได้
วันจันทร์ กระทรวงต่างประเทศรัสเซียแถลงว่า รายงานที่ว่า ลาฟรอฟป่วยและต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลหลังจากเดินทางถึงบาหลีเป็นข่าวปลอม
นอกจากนั้น เมื่อวันอาทิตย์ ลาฟรอฟยังกล่าวว่า ตะวันตกกำลังแผ่ขยายอิทธิพลทางทหารในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อจำกัดผลประโยชน์ของรัสเซียและจีน
ทั้งนี้ สีและปูตินใกล้ชิดกันมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากต่างไม่ไว้ใจตะวันตก และทั้งคู่ยังตอกย้ำความร่วมมือระหว่างกันไม่กี่วันก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครน กระนั้น จีนระมัดระวังที่จะไม่ให้การสนับสนุนด้านอาวุธแก่รัสเซียโดยตรงเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตะวันตกแซงก์ชัน
วันอาทิตย์ นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน ย้ำถึง “การไร้ความรับผิดชอบ” ในการคุกคามด้วยนิวเคลียร์ระหว่างการประชุมสุดยอดที่กัมพูชา ซึ่งเจ้าหน้าที่อเมริกันตีความว่า จีนไม่สบายใจกับการที่รัสเซียมักออกมาขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์นับจากโจมตียูเครนเมื่อต้นปี
(ที่มา : เอพี, เอเอฟพี, รอยเตอร์)