เอเอฟพี - ไบเดนหารือผู้นำเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเพื่อหาทางกำราบเปียงยางในวันอาทิตย์ (13 พ.ย.) หรือหนึ่งวันก่อนที่ประมุขทำเนียบขาวจะได้พบประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และเรียกร้องให้จีนใช้อิทธิพลในฐานะพันธมิตรหลักของเกาหลีเหนือกดดันคิม จอง-อึน
การทดสอบขีปนาวุธถี่ยิบเป็นประวัติการณ์ของเกาหลีเหนือในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาสร้างความหวาดหวั่นไปทั่วว่า เปียงยางอาจทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 7 เร็วๆ นี้
ทำเนียบขาวเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะกดดันจีนให้ควบคุมกิจกรรมของเกาหลีเหนือ ระหว่างการประชุมกับสี ในการหารือนอกรอบในซัมมิต G20 ที่อินโดนีเซียวันจันทร์ (14 พ.ย.)
ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน ไบเดนได้พบกับประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล ของเกาหลีใต้ และนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น เพื่อหาวิธีจัดการภัยคุกคามจากโครงการอาวุธทำลายล้างสูงและขีปนาวุธทิ้งตัวของเกาหลีเหนือในการประชุมนอกรอบของซัมมิตอีสต์เอเชียที่พนมเปญ
ตั้งแต่ต้นเดือนนี้ เปียงยางทดสอบขีปนาวุธหลายครั้ง ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) เพื่อตอบโต้การซ้อมรบทางอากาศครั้งใหญ่ของอเมริกาและเกาหลีใต้ที่โสมแดงกล่าวหาว่า ก้าวร้าวและคุกคาม
ทำเนียบขาวเสริมว่า ไบเดนจะถือโอกาสในการหารือกับสีที่ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดเพื่อเรียกร้องให้จีนใช้อิทธิพลในฐานะพันธมิตรหลักของเกาหลีเหนือกดดันคิม จอง-อึน ผู้นำโสมแดง
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา เผยว่า ไบเดนจะไม่เรียกร้องตรงๆ แต่จะเตือนสีว่า การทดสอบขีปนาวุธและสะสมนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนืออาจทำให้อเมริกาต้องเพิ่มการประจำการทางทหารในภูมิภาคดังกล่าวซึ่งเป็นสิ่งที่ปักกิ่งคัดค้านหัวชนฝา
ซัลลิแวนกล่าวกับผู้สื่อข่าวต่อไปว่า เกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามไม่เฉพาะกับอเมริกา เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นเท่านั้น แต่รวมถึงสันติภาพและเสถียรภาพทั่วภูมิภาค
ไบเดนเข้าร่วมการประชุมสภาพภูมิอากาศ COP27 ก่อนบินสู่พนมเปญอันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของอเมริกาในการเพิ่มอิทธิพลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อคานอิทธิพลจีน
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนแผ่ขยายอิทธิพลทางการค้า การทูต และการทหารภายในภูมิภาคนี้เนื่องจากมองว่า เป็นสนามหลังบ้านเชิงยุทธศาสตร์ของตน
ระหว่างการประชุมกับผู้นำสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ไบเดนประกาศว่า อเมริกาจะร่วมมือกับอาเซียนเพื่อปกป้องภัยคุกคามสำคัญต่อระเบียบโลกและหลักนิติธรรม ซึ่งแม้ไม่ได้เอ่ยชื่อจีน แต่ที่ผ่านมา วอชิงตันมักวิจารณ์ว่า ปักกิ่งพยายามบ่อนทำลายบรรทัดฐานสากลในทุกสิ่งตั้งแต่ทรัพย์สินทางปัญญาจนถึงสิทธิมนุษยชน
ทั้งนี้ ในงานกาลาดินเนอร์ของการประชุมสุดยอดอาเซียนเมื่อคืนวันเสาร์ (12 พ.ย.) ไบเดน และนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงของจีน นั่งขนาบข้างฮุนเซน ผู้นำกัมพูชาที่เป็นเจ้าภาพการประชุมกันคนละด้าน
การพบกับสีเกิดขึ้นหลังจากไบเดนประสบความสำเร็จเกินคาดในการเลือกตั้งกลางเทอมของอเมริกาที่พรรคเดโมแครตของเขายังยึดวุฒิสภาได้ต่อ และไม่มี “คลื่นยักษ์สีแดง” ซึ่งหมายถึงชัยชนะถล่มทลายของรีพับลิกัน
ขณะเดียวกัน สีเองเพิ่งได้รับการรับรองในการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ให้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 3 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์จีน
การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกในวันอาทิตย์นั้นเป็นซัมมิตแรกใน 3 งานใหญ่ ซึ่งตามมาด้วยการประชุมสุดยอดจี20 ที่บาหลี และปิดท้ายด้วยซัมมิตกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ที่กรุงเทพฯ
คาดกันว่า ผลกระทบจากสงครามในยูเครนจะครอบคลุมการประชุมเหล่านี้ แม้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ไม่ได้เดินทางเข้าร่วม แต่ส่งเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นผู้นำคณะตัวแทนเข้าหารือก็ตาม
ผู้สังเกตการณ์ยังเฝ้าจับตาว่า ลาฟรอฟจะเดินออกจากที่ประชุมเพื่อเอาคืนเจ้าหน้าที่ตะวันตกที่เคยทำแบบนี้เมื่อต้นปีหรือไม่
นอกจากนั้น ยังคาดว่า ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน จะร่วมประชุมแบบเสมือนกับผู้นำ G20 หลังจากคำขอของเขาที่จะกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมอาเซียนถูกปฏิเสธ