เจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งกองทัพสหรัฐฯ รับปากสนับสนุนด้านการทหารแก่ไต้หวัน พร้อมเตือนจีนให้เรียนรู้บทเรียนจากกรณีรัสเซียรุกรานยูเครน ความเห็นซึ่งขานรับคำสัมภาษณ์ของประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน แห่งไทเป ที่บอกว่าเธอจะไม่รีรอที่จะมองหาความช่วยเหลือจากตะวันตก แบบเดียวกับเคียฟ หากว่ามีขัดแย้งปะทุขึ้น
พล.อ.มาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมของสหรัฐฯ แสดงความคิดเห็นดังกล่าว ระหว่างร่วมงานกิจกรรมหนึ่งในนิวยอร์ก เมื่อวันพุธ (9 พ.ย.) "สหรัฐฯ มีพันธสัญญาผ่านกฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน และประธานาธิบดีไบเดนเคยบอกในหลายวาระเมื่อเร็วๆ นี้ ว่า อเมริกาจะเดินหน้าให้การสนับสนุนไต้หวัน"
"เราจะให้การสนับสนุนด้านการทหารแก่พวกเขา เราจะพยายามช่วยฝึกฝนพวกเขาและจัดหาอาวุธยุทโธปกณ์ให้แก่พวกเขา" พล.อ.มาร์ค มิลลีย์ กล่าว
ปักกิ่งแสดงความขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก ครั้งที่สื่อมวลชนรายงานเมื่อปีที่แล้ว ว่ากองกำลังปฏิบัติการพิเศษหน่วยหนึ่งของสหรัฐฯ และกองทหารจากกองทัพเรือได้เข้ามาปฏิบัติการลับในไต้หวัน ช่วยฝึกฝนกำลังทหารของไทเป
ความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันพุ่งสูงขึ้นไปอีก หลังจากนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวันในช่วงต้นเดือนสิงหาคม กระตุ้นให้กองทัพปลดแอกประชาชนจีน ตอบโต้ด้วยการซ้อมรบกระสุนจริงรอบเกาะไต้หวัน ครั้งใหญ่ที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
พล.อก.มิลลีย์ ระบุยังไม่ชัดเจนว่าจีนมีแผนเปิดการรุกรานในอนาคตอันใกล้นี้หรือไม่ แต่เขาเรียกร้องปักกิ่งเรียนรู้จากปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
"บทเรียนสำหรับจีนที่ออกมาจากยูเครน ก็คือสงครามบนหน้ากระดาษกับสงครามที่แท้จริงนั้นเป็น 2 สิ่งที่มีความแตกต่างกัน และสิ่งที่พวกเขาเห็นคือ การคำนวณผิดพลาดทางยุทธศาสตร์อย่างมโหฬาร" เขากล่าว "ผมคิดว่าประธานาธิบดีสี จะก้าวถอยหลังและกลับมาประเมินสถานการณ์"
"ผมคิดว่ามันยากลำบากอย่างแท้จริง มันสาหัสอย่างแท้จริง และผมคิดว่าพวกเขาจะเริ่มตระหนักถึงสิ่งนั้น และเป็นไปได้ที่เขาจะประเมินสถานการณ์และคิดคำนวณใหม่ในสิ่งที่พวกเขาจะลงมือทำ" พล.อ.มิลลีย์ ระบุ
กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวันปี 1979 กำหนดให้สหรัฐฯ รับประกันกับเกาะปกครองตนเองแห่งนี้ในด้านทรัพยากรต่างๆ สำหรับปกป้องตนเอง และปกป้องการเปลี่ยนแปลงสถานะแต่เพียงฝ่ายเดียวของปักกิ่ง อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้กำหนดให้สหรัฐฯ มอบการปกป้องด้านการทหารแก่เกาะแห่งนี้
ระหว่างการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ในเดือนตุลาคม ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่าปักกิ่งจะทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายรวมชาติกับไต้หวันอย่างสันติ แต่สงวนสิทธิใช้กำลังแก้ไขปัญหาถ้ามีความจำเป็น
สี ยังได้บอกกับที่ประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ ด้วยว่ากองกำลังปลดแอกประชาชนจีนจะต้องบรรลุเป้าหมายกลายเป็นกองทัพระดับโลกที่มีแสนยานุภาพสามารถเอาชนะสงครามต่างๆ ในระดับภูมิภาคให้ได้
พลใอ.มิลลีย์ มองในเรื่องนี้ว่า จีนต้องการบรรลุเป้าหมายเป็นเจ้าโลกในด้านการทหารในอีกราวๆ 50 ปีข้างหน้า และเป็นเจ้าในระดับภูมิภาคภายในปี 2027
เมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ หลายรายเรียกร้องให้กองทัพเรืออเมริกา ยกระดับเตรียมพร้อมรับมือกับความเป็นไปได้ที่กองทัพปลดแอกประชาชนจีนจะโจมตีไต้หวันอย่างเร็วที่สุดในปีนี้
อย่างไรก็ตาม พล.อ มิลลีย์ มองว่าแม้ สี ต้องการเห็นกองทัพปลดแอกประชาชนจีนมีความพร้อมสำหรับสู้รบในปี 2027 แต่ทว่าการบอกให้ทหารเตรียมพร้อมกับการตัดสินใจสู้รบจริงๆ นั้น เป็น 2 สิ่งที่มีความแตกต่างกัน
"เราไม่มีปัญหากับการแข่งขัน ไม่มีปัญหา" เขากล่าวต่อ "แต่หากจีนต้องการความขัดแย้ง เมื่อนั้นมันจะเป็นการตัดสินใจเลือกที่เลวร้ายสำหรับจีน" มิลลีย์ กล่าว พร้อมยกตัวอย่างว่า รัสเซีย คำนวณผิดพลาดอย่างมหันต์ในทางยุทธศาสตร์ ด้วยการรุกรานยูเครน และต้องชดใช้ในความผิดพลาดอย่างมโหฬารครั้งนี้ไปอีกหลายปีข้างหน้า
เขาบอกว่ารัสเซียประสบความล้มเหลวทั้งในด้านยุทธศาสตร์และปฏิบัติการ และสูญเสียศักยภาพด้านการทหารไปมหาศาล เนื่องจากประเมินประชาชนชาวยูเครนต่ำเกินไป เขาเน้นย้ำว่าอเมริกาจะเดินหน้าให้การสนับสนุนยูเครนต่อไป และเรียกร้องรัสเซียเข้าสู่โต๊ะเจรจา
(ที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์)