‘ไบเดน’ เดินทางถึง ‘กัมพูชา’ เตรียมร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เดินทางถึงยังกรุงพนมเปญแล้วในวันนี้ (12 พ.ย.) และเตรียมเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออกที่กัมพูชาเป็นเจ้าภาพ โดยจะเน้นย้ำถึงพันธกิจของอเมริกาในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก รวมไปถึงการธำรงไว้ซึ่งกฎระเบียบสากลในทะเลจีนใต้ ท่ามกลางการแข่งขันกับชาติมหาอำนาจในภูมิภาคอย่างจีน

ไบเดน ซึ่งเดินทางมายังกัมพูชาหลังเสร็จสิ้นการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 27 หรือ COP27 ที่เมืองชาร์มเอลชีค ประเทศอียิปต์ ยังมีกำหนดหารือทวิภาคีร่วมกับผู้นำกัมพูชา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

นักวิเคราะห์คาดว่า การเดินทางมาร่วมประชุมอาเซียนของ ไบเดน ในครั้งนี้อาจไม่นำไปสู่พัฒนาการด้านความร่วมมือใดๆ ที่ชัดเจน แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ ได้กลับสู่ “นโยบายการทูตแบบปกติ” (normal diplomacy)

“ประธานาธิบดี (โดนัลด์) ทรัมป์ ไม่เคยเดินทางมาเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก (East Asian Summit) เลยแม้แต่ครั้งเดียวตลอด 4 ปี” เกร็ก โพลิง หัวหน้าโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์และระหว่างประเทศศึกษา (CSIS) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ให้ความเห็น พร้อมชี้ว่า ผลลัพธ์ของการประชุมน่าจะช่วยให้ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างสหรัฐฯ กับอาเซียนถูกยกระดับขึ้นสู่การเป็นหุ้นส่วนในเชิงยุทธศาสตร์อย่างครอบคลุม (comprehensive strategic partnership)

“มันอาจไม่มีความหมายในเชิงรูปธรรมนัก ทว่าในเชิงสัญลักษณ์ก็จะทำให้สหรัฐฯ ก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับจีน” โพลิง กล่าว

เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ได้เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมด้วยเช่นกัน ขณะที่ ดมิโตร คูเลบา รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศยูเครน ก็เดินทางมากัมพูชาหลังจากที่ได้ลงนามสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation) ซึ่งเคียฟหวังว่าจะช่วยให้ความร่วมมือกับอาเซียนเป็นไปอย่างแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

คูเลบา ได้มีการหารือโดยตรงกับผู้นำอาเซียนหลายประเทศ และถือโอกาสนี้เรียกร้องให้อาเซียน “ประณาม” รัสเซียที่เปิดสงครามรุกรานยูเครน พร้อมเตือนว่าการรักษาจุดยืน “เป็นกลาง” ในเรื่องนี้จะไม่ทำให้อาเซียนได้ประโยชน์แต่อย่างใด

เจ้าหน้าที่หลายคนประเมินว่า การประชุมซัมมิตระดับภูมิภาคที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วง 7 วันข้างหน้าอาจ “ยากลำบาก” พอสมควร โดยประเด็นหลักๆ ที่คาดว่าจะถูกหยิบยกมาพูดคุยน่าจะมีทั้งเรื่องยูเครน สภาพอากาศ รวมไปถึงข้อพิพาททะเลจีนใต้

อินโดนีเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมซัมมิต G20 ที่เกาะบาหลีในวันที่ 15-16 พ.ย.นี้ ขณะที่การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก (APEC) จะจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานครระหว่างวันที่ 14-19 พ.ย.

ขณะเดียวกัน ผู้นำอาเซียนได้ออกคำแถลง “เตือน” ไปยังรัฐบาลทหารพม่าวานนี้ (11) ให้เร่งดำเนินการตามแผนสันติภาพ ไม่เช่นนั้นอาเซียนอาจขยายการห้ามบุคคลในคณะรัฐบาลพม่าเข้าร่วมการประชุมของกลุ่ม

ที่มา : รอยเตอร์