xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นฮ่องกงดีดตัวขึ้นอย่างแรง เมื่อปักกิ่งประกาศผ่อนคลายกฎควบคุมโควิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: เจฟฟ์ เปา ***


คนงานในชุดป้องกันโรคติดต่อยืนเฝ้าอยู่ตรงทางเข้า ขณะที่ชาวเมืองซึ่งสวมแมสก์ยืนอยู่ใกล้ๆ รั้วสังกะสีที่สร้างล้อมรอบอาคารพาณิชย์ที่ถูกสั่งล็อกดาวน์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันพฤหัสบดี (10 พ.ย.)  ทั้งนี้ในวันเดียวกัน ทางการจีนได้เผยแพร่เอกสารแจกแจงแนวทางปฏิบัติรวม 20 ข้อ ซึ่งบ่งชี้ว่าการผ่อนคลายการใช้นโยบาย “โควิดต้องเป็นศูนย์” อย่างเข้มงวด กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

HK stocks surge as Beijing eases Covid rules
By JEFF PAO
11/11/2022

ทางการจีนประกาศเผยแพร่แนวทางปฏิบัติรวม 20 ข้อ ที่มุ่งกระตุ้นส่งเสริมให้ต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจและเดินทางมายังประเทศจีนมากขึ้น นับเป็นก้าวเริ่มต้นก้าวแรกในการไปสู่การยุตินโยบาย “โควิดต้องเป็นศูนย์”

ตลาดหุ้นฮ่องกงพุ่งขึ้นอย่างแรงเมื่อวันศุกร์ (11 พ.ย.) ที่ผ่านมา จากการที่จีนผ่อนคลายกฎเกณฑ์ “โควิดต้องเป็นศูนย์” (zero-Covid) ของตน ซึ่งรวมถึงการลดระยะเวลาที่ต้องกักตัวสำหรับนักเดินทางขาเข้าสู่แดนมังกร ตลอดจนมีข้อกำหนดใหม่ๆ ที่จำกัดไม่ให้พวกผู้มีอำนาจในระดับท้องถิ่นสามารถสั่งปิดโรงเรียนและโรงงานผลิตทางอุตสาหกรรมได้อย่างเสรีตามใจเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาด

ดัชนีหุ้นหั่งเส็งของตลาดฮ่องกงทะยานขึ้นมา 1,244 จุด หรือ 7.74% สู่ระดับ 17,325 เมื่อวันศุกร์ (11 พ.ย.) ดัชนีตัวนี้ตกลงไปสู่ระดับ 15,180 ที่ถือเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 13 ปีเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม หลังจากการประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 สิ้นสุดลงในวันที่ 22 ตุลาคม โดยที่ปราศจากสัญญาณที่ชัดเจนใดๆ ว่า ปักกิ่งวางแผนการจะผ่อนคลายหรือยุติการใช้กฎเกณฑ์เกี่ยวกับโรคโควิดอันเข้มงวดกวดขันของตน ดัชนีตัวนี้ยังร่วงต่อไปจนถึงระดับ 14,687 ในวันที่ 31 ตุลาคม

สำหรับการดีดขึ้นมาเมื่อวันศุกร์ (11 พ.ย.) นำขบวนโดยหุ้นคันทรี การ์เดน (Country Garden) ที่กระโจนขึ้น 34.9% ไปอยู่ที่ระดับราคาหุ้นละ 2.24 ดอลลาร์ฮ่องกง ขณะเดียวกัน หลงฟอร์ พร็อบเพอร์ตีส์ (Longfor Properties) บวก 29.1% มาอยู่ที่ 18.2 ดอลลาร์ฮ่องกง อาลีบาบา บริษัทเทคยักษ์ใหญ่ปิดสูงขึ้น 12.4% อยู่ที่ 70.8 ดอลลาร์ฮ่องกง ส่วน เหม่ยถวน (Meituan) แพลตฟอร์มเพื่อการชอปปิ้งขึ้น 12.5% อยู่ที่ 159.6 ดอลลาร์ฮ่องกง

เงินหยวนก็แข็งแกร่งขึ้น และราคาของพวกสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ตั้งแต่น้ำมันไปจนถึงสินแร่เหล็กและทองแดง ต่างทะยานกันเป็นแถว ยอดจองตั๋วเครื่องบินสำหรับเที่ยวบินไปยังจีนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตัวในเวลา 1 ชั่วโมงหลังการประกาศคราวนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงาน
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-11-11/plane-ticket-bookings-double-in-hour-as-china-eases-covid-rules)

การผ่อนคลายกฎเกณฑ์เกี่ยวกับโควิดของจีน ซึ่งเป็นเรื่องที่เฝ้ารอคอยกันมานาน ถูกประกาศออกมาหลังจากคณะกรรมการประจำของกรมการเมือง แห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน จัดการประชุมที่มีเลขาธิการใหญ่ สี จิ้นผิง เป็นประธาน เมื่อวันพฤหัสบดี (10 พ.ย.) และเปิดเผยเอกสารแจกแจงแนวทางปฏิบัติรวม 20 ข้อ สำหรับให้พวกเจ้าหน้าที่กระทำตามในการผ่อนคลายกฎเกณฑ์คราวนี้
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.gov.cn/xinwen/2022-11/11/content_5726122.htm)

ทั้งนี้ มาตรการกักตัวที่เรียกกันว่า “7+3” นั่นคือนักเดินทางที่เข้ามายังจีนต้องกักตัวอยู่ในโรงแรมที่พักที่กำหนดเป็นเวลา 7 วัน แล้วกักตัวอยู่ในที่พำนักของตนเองอีก 3 วันนั้น จะลดลงเหลือ “5+3” ในช่วงที่กักตัวนี้ นักเดินทางที่เข้ามายังจีนยังคงต้องรับการตรวจหาเชื้อโควิดแบบ PCR และผลออกมาเป็นลบ รวม 6 ครั้ง

ระยะเวลากักโรคที่สั้นลงอย่างเดียวกันนี้ ยังจะใช้กับพวกที่สัมผัสใกล้ชิดกับคนที่ติดเชื้อภายในประเทศจีนเอง ตามระบบติดตามตัวผู้สัมผัสโรคซึ่งได้พบเห็นผู้คนเป็นล้านๆ คนถูกส่งตัวเข้าไปยังสถานที่กักกันโรคแห่งต่างๆ ที่ดำเนินการโดยรัฐบาล ทั้งนี้ ตามรายงานของพวกสำนักข่าว ขณะที่นับแต่นี้ไปพวกที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ จะไม่ถูกระบุชี้ตัวกันอีกต่อไปแล้ว รายงานข่าวเหล่านี้บอก

สำหรับกฎข้อบังคับที่กำหนดให้ระงับเส้นทางเที่ยวบินใดๆ ก็ตามเป็นเวลานาน 2 สัปดาห์ หาก 8% ของพวกผู้โดยสารขาเข้าในเส้นทางเที่ยวบินดังกล่าวมีผลตรวจโควิดออกมาเป็นบวก ก็เป็นอันถูกยกเลิกไปตามมาตรการผ่อนคลายชุดใหม่คราวนี้ เวลาเดียวกัน คนที่มาจากพื้นที่ “ความเสี่ยงสูง” ในการติดเชื้อโควิด จะต้องกักตัวเองอยู่ ณ ที่พำนักก็พอแล้วเป็นเวลา 7 วัน แทนที่จะถูกส่งตัวไปยังศูนย์กักตัวต่างๆ

ปักกิ่งยังเรียกร้องพวกรัฐบาลท้องถิ่นทั้งหลายอย่าได้ขยายขนาดขอบเขตมาตรการล็อกดาวน์ของพวกเขาอย่างไร้ขีดจำกัด หรือสั่งระงับชั้นเรียน การผลิต และการคมนาคมขนส่งกันอย่างตามใจชอบ

อย่างไรก็ดี ในเอกสารแจกแจกแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการผ่อนคลายนี้ บอกด้วยว่า รัฐบาลท้องถิ่นทั้งหลายยังควรเฝ้าระวังติดตามว่ามีกรณีผู้ติดเชื้อโควิดดีดตัวสูงขึ้นมาอย่างสำคัญหรือไม่ และอย่าไปคิดว่าเวลานี้พวกเขาสามารถสบายอกสบายใจ หรือไม่ต้องทำอะไรเพื่อสู้รบกับโควิดแล้ว

ทางด้าน เจ้า ลี่เจียน (Zhao Lijian) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในการแถลงข่าวตามปกติที่กรุงปักกิ่งในวันศุกร์ (11 พ.ย.) ว่า มาตรการใหม่ๆ เหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้แบบแผนแนวทางต่อสู้กับโควิดของจีน “ยึดโยงอยู่กับวิทยาศาสตร์ยิ่งขึ้นและถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น” เขาย้ำว่า “มันไม่ได้หมายความว่าเรามีการผ่อนคลายการจำกัดควบคุมในเรื่องโควิด หรือมีการใช้แบบแผนแนวทางแบบปล่อยตัวสบายๆ กันแล้ว”

“เราเชื่อว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยปรับปรุงยกระดับการเดินทางข้ามพรมแดน และทำให้เกิดความสะดวกมากขึ้นสำหรับผู้คนแวดวงธุรกิจที่จะมาเยือนจีนเพื่อการลงทุนและการทำธุรกิจต่างๆ” เจ้า ย้ำ

สิ่งที่สำคัญก็คือ การผ่อนคลายคราวนี้เกิดขึ้นขณะที่กรณีผู้ติดเชื้อโควิดในจีนพุ่งสูงขึ้นสู่ระดับนิวไฮในรอบ 6 เดือนครั้งใหม่ โดยที่มีการแพร่ระบาดเกิดขึ้นมาใหม่ในเมืองกว่างโจว และกรุงปักกิ่ง พวกนักวิเคราะห์ที่ถูกอ้างอิงเอาไว้ในรายงานข่าว ต่างกล่าวว่า นี่หมายความว่ากระบวนการเปิดประตูบ้านอีกครั้งของจีนเช่นนี้จะต้องดำเนินไปอย่างระมัดระวังและยังมีโอกาสที่จะมีการประกาศกลับมาล็อกดาวน์และใช้ข้อจำกัดต่างๆ เพิ่มขึ้นอีก ถ้าหากเกิดการแพร่ระบาดออกไปมากในฤดูหนาวนี้ซึ่งอากาศเอื้ออำนวยให้แก่การแพร่กระจายของโรคนี้

กระนั้นก็ตาม มีการรายงานข้อมูลทางเศรษฐกิจว่า ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (foreign direct investment หรือ FDI) ของจีน ขยับสูงขึ้น 9.7% มาอยู่ที่ระดับ 16,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเวลา 1 ปีนับจากเดือนกันยายนปีที่แล้ว ขณะที่ระยะเวลา 8 เดือนแรกของปีปฏิทินนี้ FDI ของจีนสูงขึ้น 20.2% อยู่ที่ 138,400 ล้านดอลลาร์

สำหรับเคสโควิดในจีน คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (National Health Commission) รายงานว่าเพิ่มขึ้นจาก 8,824 รายในวันพุธ (9 พ.ย.) เป็น 10,535 รายในวันพฤหัสบดี (10 พ.ย.) โดยที่ราว 90% ของผู้ติดเชื้อเหล่านี้อยู่ในลักษณะไม่แสดงอาการ (asymptomatic)

มณฑลกวางตุ้งนั้นรายงานว่าเจอเคสผู้ติดเชื้อ 3,007 ราย โดยจำนวนนี้ 2,583 รายตรวจพบในกว่างโจว ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑล สำหรับมณฑลเหอหนานแจ้งว่าพบ 3,005 ราย ส่วนใหญ่แล้วเนื่องมาจากการระบาดของไวรัสตัวนี้ในโรงงานขนาดยักษ์ของบริษัทฟอกซ์คอนน์ (Foxconn) ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเจิ้งโจว (Zhengzhou) ส่วนปักกิ่งบอกว่าเจอเคส 70 รายในวันศุกร์ (11 พ.ย.) สูงขึ้นมาจาก 89 รายในวันพฤหัสบดี (10 พ.ย.)

ส่วน หลิว เสี่ยวเฟิง (Liu Xiaofeng) รองผู้อำนวยการของศูนย์เพื่อการควบคุมและการป้องกันโรคปักกิ่ง (Beijing Center for Disease Control and Prevention) แถลงเมื่อวันศุกร์ (11 พ.ย.) ว่า พบการระบาดของไวรัสนี้ในสถานที่ต่างๆ กันหลายแห่งในเมืองหลวงของจีน ทำให้เกิดความเสี่ยงใหม่ๆ ที่ไวรัสจะแพร่กระจายออกไปในแบบไม่แสดงอาการ

หลิว บอกว่าปักกิ่งจะดำเนินการปราบปรามโรคร้ายนี้ต่อไปด้วยมาตรการที่แม่นยำเที่ยงตรงต่างๆ เป็นต้นว่า การสนับสนุนชักชวนให้ประชาชนหันมาพบปะกันทางออนไลน์ และรับประทานอาหารในช่วงเวลาที่ไม่ใช่ช่วงพีก เขากล่าวว่าประชาชนควรหลีกเลี่ยงการรวมตัวกันที่ไม่จำเป็น และต้องคอยสวมหน้ากากป้องกันเอาไว้ คอยตรวจเช็กอุณหภูมิร่างกายของตน และล้างมือกันเป็นประจำ

หลังจากดัชนีฮั่งเส็งหล่นลงสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบ 13 ปีเมื่อปลายเดือนตุลาคมแล้ว พวกนักวิเคราะห์หุ้นและพวกผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของจีนต่างส่งสัญญาณว่า ปักกิ่งมีแผนการที่จะผ่อนคลายกฎเกณฑ์เกี่ยวกับโควิดในเร็ววันนี้

หง เฮ่า (Hong Hao) กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัยของ โบคอม อินเตอร์เนชั่นแนล (BOCOM International) ทวีตในวันที่ 1 พฤศจิกายนว่า ปักกิ่งได้มีการจัดตั้ง “คณะกรรมการเพื่อการเปิดกว้างอีกครั้งหนึ่ง” (reopening committee) ขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว โดยที่มี หวัง ฮู่หนิง สมาชิกคนหนึ่งในคณะกรรมการประจำกรมการเมืองพรรค เป็นผู้นำ หงกล่าวว่า จีนอาจจะผ่อนคลายกฎการกักโรคของตนในเดือนมีนาคม หลังจากฤดูหนาวและช่วงวันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีนผ่านพ้นไป

ต่อมา ในวันที่ 4 พฤศจิกายน เจิง กวง (Zeng Guang) อดีตหัวหน้านักระบาดวิทยาของศูนย์เพื่อการควบคุมและการป้องกันโรคประเทศจีน (Chinese Center for Disease Control and Prevention) ออกมาบอกว่า การเปลี่ยนแปลงอย่างมีสาระสำคัญในนโยบายโควิดต้องเป็นศูนย์ ของจีนนั้น จะมีการนำออกมาบังคับใช้ในเร็ววันนี้ ทั้งนี้ ดัชนีฮุ่งเส็ง มีการดีดตัวขึ้นมารวม 18% แล้วจนถึงขณะนี้ภายในเดือนนี้

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์บางรายที่ไม่เชื่อถือในวัคซีนซึ่งจีนผลิตเอง กล่าวเตือนว่ายังไม่ใช่เวลาที่จีนจะหวนกลับมาปล่อยให้มีการเดินทางกันได้โดยไม่ต้องกักโรคแล้ว เนื่องจากประชากรของจีนส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดใช้เทคโนโลยีเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) ซึ่งผลิตจากโลกตะวันตก อันเป็นวัคซีนที่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้อ้างว่าได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีความเหนือล้ำกว่ามากมาย เมื่อเปรียบเทียบกับวัคซีนของ ซิโนแวค และซิโนฟาร์มที่ผลิตขึ้นในจีนเอง

ในไต้หวันนั้น มากกว่า 80% ของประชากร 24 ล้านคนที่นั่นได้รับการฉีดวัคซีนตะวันตกกันอย่างน้อย 3 เข็มแล้ว กระนั้น เกาะแห่งนี้ก็ยังคงรายงานว่าพบเคสผู้ป่วยกว่า 20,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตราว 50-60 คนต่อวัน โดยผู้เสียชีวิตถ้าไม่ใช่เป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนแบบครบสูตร และก็ผู้เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังต่างๆ อยู่แล้ว รายงานหลายกระแสระบุ
กำลังโหลดความคิดเห็น