นโยบายโควิดเป็นศูนย์เริ่มเปลี่ยน! จีนลดวันกักตัวผู้เดินทางเข้าจีน เลิกห้ามเที่ยวบิน แม้เคสติดโควิดจีนทำสถิติในรอบหลายเดือน

คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งจีนแถลงในวันนี้ (11 พ.ย.) จีนยังยืนหยัด ‘นโยบายโควิดเป็นศูนย์อย่างมีพลวัต’ โดยมีการปรับปรุงไปตามสถานการณ์แพร่ระบาด พร้อมกันนี้ ได้ประกาศลดความเข้มข้นของมาตรการควบคุมโควิดอีกระลอกอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากที่มีการทยอยลดความเข้มข้นของมาตรการต่างๆ จากช่วงกลางปีนี้ ดังต่อไปนี้

-ลดจำนวนวันกักตัวสำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิดและผู้เดินทางจากต่างแดนเข้ามายังจีน จากเดิม ‘7+3 ตัดลดเป็น 5+3’ หมายถึงกฎเดิมกำหนดให้กักตัวในศูนย์กักตัว 7 วัน และกักตัวที่บ้าน 3 วัน กฎใหม่ให้กักตัวในศูนย์กักตัว 5 วัน และกักตัวที่บ้าน 3 วัน ดังนั้นจำนวนวันที่ต้องกักตัวของผู้เดินทางเข้าจีนจึงลดลงจาก 10 วัน เหลือ 8 วัน กฎใหม่ยังลดความเข้มข้นโดยให้ผู้กักตัวในศูนย์กักตัวทดสอบกรดนิวคลิอิกในวันที่ 1, 2, 3, 5 วันละ 1 ครั้ง ระหว่างกักตัวที่บ้านให้เจ้าหน้าที่ทดสอบกรดนิวคลิอิกในวันที่ 1, 3 วันละ 1 ครั้ง

-ยกเลิกบทลงโทษระงับการบินชั่วคราวของสายการบินที่ขนส่งผู้โดยสารที่ตรวจเชื้อโควิดได้ผลบวกสะสมถึงเกณฑ์ที่กำหนด ก่อนหน้านี้จีนออกกฎเก็บสถิติสายการบินที่ขนส่งผู้โดยสารที่ตรวจเชื้อไวรัสได้ผลบวกโดยภายใน 5 วัน หากสายการบินใดขนส่งผู้โดยสารที่มีผลบวกสะสมถึงเกณฑ์ที่กำหนด จะถูกลงโทษให้หยุดบินเป็นเวลาXสัปดาห์

- ตัดลดการตรวจโควิดของผู้โดยสาร ตามกฎเดิมกำหนดให้ผู้โดยสารที่จะขึ้นเครื่องบินเดินทางไปจีนต้องแสดงผลตรวจที่เป็นลบ 2 ครั้งภายใน 48 ชั่วโมง กฎใหม่ลดหย่อนเป็น ‘แสดงผลตรวจที่เป็นลบ 1 ครั้งภายใน 48 ชั่วโมง’

-เลิกติดตามผู้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ ‘มือสอง’ (ไม่ใช่ผู้ใกล้ชิดโดยตรง) ซึ่งเป็นมาตรการเข้มข้นที่ทำให้ผู้อาศัยในเมืองต่างๆ ขุ่นเคืองมากที่สุด

-ปรับเปลี่ยนการจัดแบ่งระดับความเสี่ยงต่อโควิดในเขตต่างๆ โดยแบ่งง่ายๆ เป็น “เสี่ยงสูง” กับ “เสี่ยงต่ำ” ตัดประเภท “เสี่ยงระดับกลาง” ออกไป ซึ่งเป็นความพยายามที่จะลดจำนวนประชาชนที่จะต้องอยู่ภายใต้มาตรการควบคุม

คณะกรรมาธิการพิทักษ์สุขภาพจีนยังแถลงว่าจะเร่งการผลิตวัคซีน ซึ่งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเป็นสิ่งจำเป็นก่อนที่จีนจะเริ่มนับถอยหลังออกจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์อย่างเต็มสูบ


“การปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพมาตรการควบคุมและป้องกันนี้ไม่ใช่การผ่อนคลายหรือลดหย่อนการควบคุมและการป้องกัน แต่เป็นการปรับเข้ากับสถานการณ์ใหม่ของมาตรการป้องกันโรคระบาดและการกลายพันธุ์ใหม่ของโควิด-19” คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งจีนระบุในแถลงการณ์ที่เผยแพร่วันศุกร์ (11 พ.ย.)

ทั้งนี้ การประกาศคลายมาตรการต่างๆ นี้เกิดหลังจากที่สมาชิกประจำกรมการเมือง (โปลิตบูโร) พรรคคอมมิวนิสต์จีน เปิดประชุมถกเถียงเรื่องโควิด โดยมีสีจิ้นผิงเป็นประธานการประชุม ทำให้ตลาดมีบรรยากาศเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ดัชนี CSI ที่ตลาดเซี่ยงไฮ้ ดีดตัวขึ้น 3 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่เงินหยวนแข็งค่าขึ้นในรอบ 1 เดือน

การแพร่ระบาดในเมืองชั้นหนึ่งยังขาขึ้น ทั้งกว่างโจว ปักกิ่ง เจิ้งโจว ฉงชิ่ง

จีนได้ประกาศลดความเข้มข้นในมาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโควิด ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในท้องถิ่นทำสถิติสูงในรอบหลายเดือน เขตที่มีการแพร่ระบาดหนักสุดของจีนในเวลานี้คือ มหานครกว่างโจว มณฑลกว่างตง วานนี้ (10 พ.ย.) มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในท้องถิ่น เท่ากับ 2,824 ราย นับเป็นวันที่ 4 ที่จำนวนผู้ติดเชื้อเกิน 2,000 ราย โดยเขตที่ระบาดหนักที่สุดคือ อำเภอไห่จู ทางการได้สั่งล็อกดาวน์ไห่จูมาตั้งแต่วันเสาร์ (5 ต.ค.) ซึ่งแผนเดิมจะยกเลิกใน 2-3 วันต่อมา แต่ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังพุ่งขึ้นจึงต่อเวลามาตรการล็อกดาวน์ออกไปอีกถึง 2 ครั้ง โดยล่าสุดขยายการล็อกดาวน์ไปถึงวันอาทิตย์

มาตรการล็อกดาวน์ของอำเภอไห่จู ซึ่งมีประชาชน 1.8 ล้านคน ให้ผู้อาศัยในเขตอยู่แต่ในบ้าน และอนุญาตให้แต่ละครัวเรือนส่งสมาชิก 1 คนออกไปซื้ออาหารข้าวของจำเป็นในชีวิตประจำวันตามตารางเวลาที่กำหนดเท่านั้น ขณะที่ขนส่งมวลชนหยุดบริการ

นอกจากที่กว่างโจวเขตศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศของจีน กลุ่มเมืองใหญ่ที่มีการระบาดหนัก ได้แก่ ปักกิ่ง เจิ้งโจว ฉงชิ่ง

เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนัน มีรายงานผู้ติดเชื้อในท้องถิ่นรายใหม่ล่าสุด 2,988 ราย เพิ่มจากวันก่อนหน้า 2 เท่า การแพร่ระบาดในเจิ้งโจวได้ส่งผลกระทบต่อโรงงานฟ็อกซ์คอนน์ซึ่งเป็นฐานประกอบ iPhone แห่งใหญ่ที่สุดใน 2-3 สัปดาห์มานี้

มหานครฉงชิ่ง แห่งภาคตะวันตกเฉียงใต้ ผู้ติดเชื้อยังเป็นตัวเลข 3 หลักทั้งสัปดาห์นี้ ในวันที่ 10 พ.ย. ทำนิวไฮที่ 783 ราย


นครหลวงปักกิ่ง ผู้ติดเชื้อในท้องถิ่นรายใหม่ เท่ากับ 118 ราย ทำนิวไฮของเคสติดเชื้อรายวัน แต่ยังนับว่าต่ำกว่าเมืองอื่นๆ

ในสัปดาห์นี้ ผู้จัดงาน Beijing Auto Show ซึ่งเป็นอีเวนต์ใหญ่ที่ค่ายรถยนต์แบรนด์ดังโลกตบเท่าเข้าร่วม ก็ประกาศยกเลิกงานในปีนี้

ในวันศุกร์ (11 พ.ย.) คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งจีนแถลงการระบาดโควิดทั่วประเทศในวันที่ 10 พ.ย. จำนวนผู้ติดเชื้อในท้องถิ่นรายใหม่ทั่วประเทศเท่ากับ 10,535 ราย ซึ่งทำสถิติสูงสุดจากเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ในช่วงเดือน เม.ย.โควิดระบาดหนักในเซี่ยงไฮ้จนต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ราว 2 เดือน