เอเอฟพี - ทวิตเตอร์เริ่มอัปเดตระบบสมาชิกจ่ายเงินแบบใหม่เมื่อวันเสาร์ (5 พ.ย.) ซึ่งทาง อีลอน มัสก์ ได้สั่งการไว้หลังเข้าเทกโอเวอร์บริษัทเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมให้สัญญาว่า จะพัฒนาแพลตฟอร์มนี้เป็นเครื่องมือสำหรับการแบ่งปันและการค้นหาที่ใช้งานง่ายขึ้น รวมทั้งสร้างรายได้ให้แก่ผู้สร้างเนื้อหา
หลังจาก อีลอน มัสก์ นายใหญ่บริษัทรถไฟฟ้าที่คาดเดาใจยากเข้าคุมทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มสำหรับการแสดงความคิดเห็นและการเคลื่อนไหวชั้นนำของโลกเพียงไม่กี่วัน คำสัญญาและการยั่วยุของเขากระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยามากมาย ซึ่งรวมถึงคำเตือนจากสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และคำขอโทษจากผู้ร่วมก่อตั้งทวิตเตอร์
แผนการของมัสก์ในการลดการคัดกรองเนื้อหาบนไซต์ทำให้โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็น กังวลและส่งจดหมายเปิดผนึกถึงมัสก์เมื่อวันเสาร์เรียกร้องว่า ทวิตเตอร์มีความรับผิดชอบในการงดเผยแพร่เนื้อหาที่เป็นอันตรายต่อสิทธิมนุษยชน และสำทับว่า รายงานข่าวที่ว่า มัสก์จะปลดทีมสิทธิมนุษยชนทั้งหมดของทวิตเตอร์ไม่ใช่การเริ่มต้นที่ดี
แจ็ค ดอร์ซีย์ ผู้ร่วมก่อตั้งทวิตเตอร์เมื่อปี 2006 ที่ลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) ในปีที่ผ่านมา ทวีตขอโทษที่ทำให้ทวิตเตอร์โตเร็วเกินไป หลังจากพนักงานครึ่งหนึ่งของทั้งหมด 7,500 คน ถูกมัสก์ปลดออกเมื่อวันศุกร์ (4 พ.ย.)
สำหรับพนักงานที่เหลืออยู่นั้นจะได้เป็นสักขีพยานการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมขนานใหญ่ในทวิตเตอร์ เริ่มจากเมื่อวันศุกร์ที่มัสก์เปิดตัวโครงการเรือธงแรกคือ การออกแบบตัวเลือกการสมัครสมาชิกทวิตเตอร์บลูใหม่
รายงานระบุว่า เขากำชับทีมงานว่า ระบบใหม่จะต้องพร้อมใช้งานในวันจันทร์ (7 พ.ย.) หรือหนึ่งวันก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมของอเมริกา หรือไม่เช่นนั้นอาจตกงานกันทั้งทีม
ผลปรากฏว่า วันเสาร์ที่ผ่านมา แอปทวิตเตอร์บนมือถือเริ่มนำเสนออัปเดตที่จะอนุญาตให้ผู้ใช้สมัครทวิตเตอร์บลูเวอร์ชันใหม่โดยคิดค่าบริการเดือนละ 7.99 ดอลลาร์ แลกกับเครื่องหมายถูกสีฟ้าและสิทธิประโยชน์ เช่น มีโฆษณาในฟีดน้อยลง โดยในระยะแรกนั้นจะจำกัดเฉพาะผู้ใช้ไอโฟนเท่านั้น
เอสเทอร์ ครอว์ฟอร์ด ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของทวิตเตอร์ ระบุว่า บริการใหม่ยังไม่เริ่มใช้งานจริง แต่ผู้ใช้บางคนอาจเห็นว่าระบบกำลังอัปเดต เนื่องจากบริษัทต้องทำการทดสอบและเปลี่ยนแปลงตามเวลาจริง
ก่อนหน้านี้ การยืนยันตัวตนไม่มีค่าใช้จ่ายและเป็นการพิสูจน์ตัวตนของบัญชีผู้ใช้ เช่น หน่วยงานรัฐ สื่อมวลชน เซเลบ และนักกีฬา โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลผิดๆ ทว่า มัสก์มองว่า ระบบดังกล่าวเป็นระบบ “ขุนนางกับชาวนา”
มัสก์ยังคุยว่า อัปเดตใหม่มีสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น สามารถโพสต์วิดีโอและข้อความเสียงได้ยาวขึ้น และมีโฆษณาน้อยลง ทั้งนี้ ทวิตเตอร์นั้นจำเป็นต้องหาแหล่งรายได้ใหม่ๆ จากเดิมที่พึ่งพิงโฆษณาเป็นหลัก
ที่สำคัญ ความกังวลที่ว่าการที่มัสก์ต้องการเปลี่ยนแปลงแนวทางการคัดกรองเนื้อหาอาจทำให้ทวิตเตอร์อัดแน่นไปด้วยถ้อยคำกระตุ้นความเกลียดชังและข้อมูลผิดๆ ทำให้ผู้ลงโฆษณาหลายรายระงับการลงโฆษณาบนแพลตฟอร์มนี้นับจากที่มัสก์เข้าเทกโอเวอร์
ด้าน มัสก์ ยืนยันว่า การคัดกรองเนื้อหายังคงเป็นเป้าหมายสำคัญอันดับต้นๆ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงกฎ และเขาจะตั้งคณะทำงานมารับผิดชอบด้านนี้โดยเฉพาะ
มัสก์ ยังวิจารณ์ว่า แม้ทวิตเตอร์พยายามเอาใจทุกอย่าง แต่กลุ่มนักเคลื่อนไหวกลับกดดันบรรดาผู้ลงโฆษณาและทำลายเสรีภาพในการแสดงออกของอเมริกา เขาสำทับว่า ทวิตเตอร์สูญเงินวันละกว่า 4 ล้านดอลลาร์เพื่อแสดงเหตุผลสนับสนุนความชอบธรรมในการปลดพนักงาน
นอกจากนี้ เมื่อวันเสาร์ มัสก์ยังให้สัญญาว่า ทวิตเตอร์จะพัฒนาเป็นเครื่องมือสำหรับการแบ่งปันและการค้นหาที่ใช้งานง่ายขึ้น รวมทั้งสร้างรายได้ให้แก่ผู้สร้างเนื้อหา