‘อีลอน มัสก์’ ลุยปฏิวัติ ‘ทวิตเตอร์’ ครั้งใหญ่ ตั้งตัวเองเป็นซีอีโอ ปลดบอร์ดบริหารยกทีม

อีลอน มัสก์ ลุยแปลงโฉมทวิตเตอร์เต็มสปีด หลังปิดดีลซื้อแพลตฟอร์มรับส่งข้อความชื่อดังแห่งนี้ด้วยราคา 44,000 ล้านดอลลาร์ได้ไม่กี่วัน ซึ่งรวมไปถึงการปลดสมาชิกบอร์ดเดิมออกทั้งหมด และตั้งตนเป็นกรรมการบริหารเพียงคนเดียว รวมทั้งรับตำแหน่งซีอีโอ

ในเอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (เอสอีซี) ระบุว่า การควบรวมกิจการทวิตเตอร์เสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ซึ่งเวลานั้น อีลอน มัสก์ เป็นกรรมการบริหารเพียงคนเดียวของทวิตเตอร์ ขณะที่สมาชิกคณะกรรมการบริหารคนอื่นๆ ทั้งหมด โดยรวมถึง ปารัก อักราวาล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) เดิมของทวิตเตอร์ถูกปลดออก

อย่างไรก็ดี มัสก์ทวิตเมื่อวันจันทร์ (31 ต.ค.) ว่า การปลดสมาชิกบอร์ดบริหารเป็นการดำเนินการชั่วคราวเท่านั้น แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ ขณะที่ทวิตเตอร์ไม่ได้ระบุเช่นกันว่า มัสก์จะเป็นซีอีโอนานแค่ไหนหรือจะแต่งตั้งใครมาทำหน้าที่แทน

เมื่อตอนที่เสนอซื้อครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน มัสก์ที่ยังเป็นซีอีโอของเทสลา สเปซเอ็กซ์ นิวรัลลิงก์ และบอริ่ง คอมปานีด้วยนั้น ประกาศว่า ต้องการนำทวิตเตอร์ออกจากตลาดหุ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลหลายอย่างต่อสาธารณชน

ตอนที่มหาเศรษฐีที่เดาใจยากผู้นี้พยายามยกเลิกข้อตกลง ทวิตเตอร์ฟ้องมัสก์ในศาลรัฐเดลาแวร์ ทว่า เมื่อใกล้วันไต่สวน มัสก์กลับฟื้นข้อตกลงใหม่ช่วงต้นเดือนที่แล้วและตกลงเทกโอเวอร์ทวิตเตอร์ที่ราคาหุ้นละ 54.20 ดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว

หลังจากเปลี่ยนไบโอในโปรไฟล์ทวิตเตอร์ของตนเองเป็น “ชีฟ ทวิต” (Chief Twit) มัสก์ทำงานร่วมกับวิศวกรซอฟต์แวร์จากเทสลาตลอดช่วงสุดสัปดาห์เพื่อตรวจสอบกระบวนการทำงานภายในทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการรับส่งข้อความจากคนเดียวถึงหลายคน รวมทั้งเพื่อวางแผนปลดพนักงานครั้งใหญ่

รายงานระบุว่า ทีมงานของมัสก์พยายามหาทางทำเงินจากฟีเจอร์การยืนยันตัวตนของทวิตเตอร์ที่ผู้ใช้บางคนจะได้เครื่องหมายบวกสีฟ้าถัดจากชื่อโปรไฟล์ของตนเอง

เดอะ เวิร์จรายงานว่า ตัวเลือกหนึ่งอาจเป็นกำหนดให้ผู้ใช้ที่ยืนยันตัวตนสมัครบริการสมาชิกแบบจ่ายเงินของทวิตเตอร์คือ ทวิตเตอร์ บลู ที่ปัจจุบันคิดค่าบริการเดือนละไม่ถึง 5 ดอลลาร์ แต่หลังจากนี้อาจเพิ่มเป็นราว 20 ดอลลาร์ และถ้าไม่จ่ายผู้ใช้ที่ยืนยันตัวตนจะถูกลบเครื่องหมายถูกสีฟ้าออก

นอกจากนั้น เว็บไซต์ข่าวแอ็กซิออส ยังรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ (30 ต.ค.) มัสก์ทวิตว่า กระบวนการยืนยันตัวตนทั้งหมดได้รับการปรับปรุงแล้ว และเขายังขอให้ทีมเปิดตัวแอปวิดีโอสั้น ไวน์ อีกครั้งปลายปีนี้

ทั้งนี้ ทวิตเตอร์ซื้อแอปดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2012 ก่อนที่ติ๊กต็อกจะกลายเป็นแอปวิดีโอสั้นยอดนิยมนานมาก แต่ปิดให้บริการไปในปี 2016

ขณะเดียวกัน วอชิงตันโพสต์รายงานว่า มัสก์มีแผนปลดพนักงานทวิตเตอร์ 75% จากทั้งหมด 7,500 คน

ก่อนหน้านี้ มัสก์ประณามนโยบายของทวิตเตอร์ในการตรวจสอบเนื้อหา ซึ่งรวมถึงการโพสต์มีมเพื่อท้าทายขีดจำกัดของตนเองว่า เข้มงวดเกินไป และทำให้ผู้ลงโฆษณาบางส่วนระงับการลงโฆษณาซึ่งเป็นรายได้หลักของทวิตเตอร์

อย่างไรก็ตาม เขารับประกันว่า ทวิตเตอร์จะไม่กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ใครจะทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องรับผลกระทบที่ตามมา และประกาศตั้งสภาตรวจสอบเนื้อหา

วันจันทร์มัสก์เดินทางไปนิวยอร์กพร้อมกับทีมงานและพบผู้ลงโฆษณาหลายรายเพื่อยืนยันแผนการดังกล่าว

ทวิตเตอร์ภายใต้การควบคุมของมัสก์ยังเสนอซื้อหุ้นกู้คงค้างทั้งหมดของบริษัท

มัสก์ บุคคลที่รวยที่สุดในโลก ใช้ทั้งเงินของตัวเอง เงินจากกลุ่มการลงทุนอื่นๆ และเงินที่กู้มาจากแบงก์ ในการเข้าซื้อทวิตเตอร์ครั้งนี้

นอกจากนั้น ในเอกสารอีกชุดที่ยื่นต่อเอสอีซียังระบุว่า เจ้าชายอัล-วาลิด บิน ตาลาล ของซาอุดีอาระเบียจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของทวิตเตอร์

(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)