อีลอน มัสก์ มีแผนกำจัดคนงานของบริษัทเกือบๆ 75% จากทั้งหมดราว 7,500 คน หลังจากเขาปิดข้อตกลงมูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับซื้อกิจการแฟลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์แห่งนี้ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์เมื่อวันพฤหัสบดี (20 ต.ค.) โดยอ้างอิงคำสัมภาษณ์และเอกสารที่หลุดออกมา
วอชิงตันโพสต์รายงานว่า มหาเศรษฐีรายนี้ บอกกับว่าที่นักลงทุนในข้อตกลงของเขาในการเข้าซื้อทวิตเตอร์ อิงค์ ว่าเขามีความตั้งใจลดพนักงานของทางบริษัทลงจากราวๆ 7,500 คน เหลือเพียงแค่ประมาณ 2,000 คน
รายงานข่าวของวอชิงตันโพสต์ระบุว่า คาดหมายว่าการปรับลดพนักงานจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ไม่สำคัญว่าใครจะเป็นเจ้าของบริษัทแห่งนี้
บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกแห่งนี้กลับมาเดินหน้าซื้อทวิตเตอร์อีกครั้งในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา หลังพยายามถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าว ทว่าถูกทางศาลเดวาแวร์ มีคำสั่งให้เวลาเขาจนถึงวันที่ 28 ตุลาคม สำหรับปิดข้อตกลงดังกล่าว ตามคำร้องของทางทวิตเตอร์ ที่ขอศาลบังคับให้เขาเข้าซื้อกิจการตามข้อตกลงเดิม
แผนของมัสก์ถือว่าเข้มข้นกว่าทางบอร์ดบริหารปัจจุบันของทวิตเตอร์เอง โดยทางวอชิงตันโพสต์รายงานว่า บอร์ดบริหารปัจจุบันของทวิตเตอร์มีแผนลดค่าจ้างของทางบริษัทลงราวๆ 800 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2023 ซึ่งนั่นหมายความว่าจะต้องมีการปรับลดพนักงานลงราวๆ 25%
วอชิงตันโพสต์รายงานว่า ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของทางบริษัทแจ้งกับพนักงานว่า ไม่มีแผนเลิกจ้างครั้งใหญ่ แต่จากเอกสารที่รั่วไหลเผยให้เห็นว่าทางสื่อสังคมออนไลน์แห่งนี้ มีแผนต่างๆ ในการเลิกจ้างพนักงานและปรับลดต้นทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ตั้งแต่ก่อน มัสก์ เสนอซื้อบริษัทแล้ว
รอยเตอร์ติดต่อสอบถามความคิดเห็นไปยังทวิตเตอร์ แต่ทางทวิตเตอร์ยังไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวดังกล่าว
มัสก์ พยายามเดินหนีจากข้อตกลงซื้อทวิตเตอร์ในเดือนพฤษภาคม กล่าวอ้างว่าทางบริษัทให้ตัวเลขเกี่ยวกับจำนวนบัญชีบอทและสแปมบนแฟลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์แห่งนี้ ต่ำเกินจริง โหมกระพือการฟ้องร้องทางกฎหมายหลายคดีระหว่าง 2 ฝ่าย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นเดือน มัสก์ กลับลำและบอกว่าเขาจะเดินหน้าข้อตกลงดังกล่าวตามเงื่อนไขเดิม
(ที่มา : รอยเตอร์/วอชิงตันโพสต์)