ผู้ปฏิบัติการไฟฟ้าแห่งรัฐของยูเครนแถลงว่าเกิดไฟฟ้าดับในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของประเทศและแคว้นอื่นๆ อีก 7 แห่ง ตามหลังรัสเซียโจมตีทำลายล้างโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน ขณะเดียวกัน อิหร่านยอมรับครั้งแรกว่าจัดหาโดรนให้แก่มอสโก แต่มันเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ที่รัสเซียจะเปิดฉากรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบในเดือนกุมภาพันธ์
เหตุไฟฟ้าดับเกือบทั่วยูเครน เกิดขึ้นในขณะที่กองกำลังรัสเซียเดินหน้าระดมโจมตีเมืองและหมู่บ้านต่างๆ ของยูเครนด้วยขีปนาวุธและโดรน ก่อความเสียหายแก่โรงไฟฟ้าและโครงข่ายน้ำประปา ในสงครามที่ยืดเยื้อใกล้เข้าสู่เดือนที่ 9 แล้ว
ยูเครเนอร์โก ผู้บฏิบัติการหนึ่งเดียวสายไฟฟ้าแรงสูงของยูเครน ระบุในเบื้องต้นในถ้อยแถลงทางออนไลน์ในวันเสาร์ (5 พ.ย.) ว่าจะมีการดับไฟตามกำหนดในเมืองหลวงและทั่วแคว้นเคียฟ เช่นเดียวกับแคว้นอื่นๆ อีก 7 แห่งที่อยู่โดยรอบ ประกอบด้วย เชอร์นิฮิฟ เชอร์คาซี ซีโทมีร์ ซูมี ปอลตาวา และคาร์คิฟ
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาทางบริษัทเผยแพร่ข้อมูลอัปเดตระบุว่า การดับไฟตามกำหนด ซึ่งครอบคลุมระยะเวลาหลายชั่วโมงอย่างเจาะจง ยังคงไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการดับไฟฉุกเฉินอย่างไม่มีกำหนด
ยูเครนต้องเผชิญกับปัญหาไฟฟ้าดับและความปั่นป่วนทางอุปทานน้ำ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มปฏิบัติการยิงขีปนาวุธและใช้โดรนโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานของประเทศเมื่อเดือนที่แล้ว
การโจมตีมีขึ้นหลังมอสโกประสบความปราชัยในหลายสมรภูมิทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเคน และเหตุการณ์ระเบิดสะพานเคิร์ชที่เชื่อมระหว่างแผ่นดินใหญ่รัสเซียกับแคว้นยึดครองไครเมีย ที่ทางมอสโกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนในปี 2014
รัสเซียปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่า โดรนที่ใช้โจมตีในยูเครนนั้นมาจากอิหร่าน แต่ล่าสุดทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านยอมรับเป็นครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ (5 พ.ย.) ว่าเตหะรานป้อนโดรน "จำนวนจำกัด" แก่มอสโก ทว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนหน้า รัสเซียเปิดปฏิบัติการรุรานยูเครนเต็มรูปแบบในวันที่ 24 กุมภาพันธ์
ในช่วงค่ำวันเสาร์ (5 พ.ย.) ยูเครน เตือนอิหร่านว่า "ผลสนองจากการสมคบคิดกับรัสเซียจะเลวร้ายกว่ามากกว่าผลประโยชน์ที่ได้รับกลับมา" โอเลก นิโคเลนโก โฆษกกระทรวงการต่างประเทศยูเครนเขียนบนเฟซบุ๊ก "เตหะรานควรตระหนักว่า ผลสนองของการสมคบคิดในอาชญากรรมการรุกรานของสหพันธรัฐรัสเซียต่อยูเครน จะหนักหน่วงกว่ามาก มากกว่าผลประโยชน์จากการสนับสนุนของรัสเซีย"
อย่างไรก็ตาม ฮอสเซน เอเมียร์-อับดอลลาเฮียน รัฐมนตรีต่างประเทศ อ้างว่าอิหร่านไม่รู้ว่าโดรนของพวกเขาถูกใช้โจมตีเป้าหมายต่างๆ ในยูเครนหรือไม่ และเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเตหะรานในการหาทางหยุดความขัดแย้ง
ผู้สื่อข่าวอัลจาซีราห์รายงานจากเตหะราน ระบุว่า บรรดาผู้ลงนามตะวันตกในข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2015 อ้างว่าการขายโดรนให้แก่รัสเซียของอิหร่าน เป็นการละเมิดข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งทางสหรัฐฯ ถอนตัวออกมาตั้งแต่ปี 2018 "ภายใต้ข้อตกลง รัฐบาลอิหร่านไม่ได้รับอนุญาตให้ขายหรือนำเข้ายุทโธปกรณ์หรือเทคโนโลยีด้านการทหารล้ำสมัย"
กระนั้นผู้สื่อข่าวรายนี้ระบุว่า มาตรการแบนดังกล่าวถูกตั้งคำถามเช่นกัน เนื่องจากมันถูกบังคับใช้ในปี 2007 และหมดอายุไปแล้วในเดือนตุลาคม 2020 "เจ้าหน้าที่อิหร่านบอกว่าคำแก้ต่างเกี่ยวกับการขยายกรอบเวลาของบรรดาชาติตะวันตกนั้นน่าขำ"
ย้อนกลับไปในยูเครน มีรายงานว่ารัสเซียยังคงเดินหน้ายิงถล่มภูมิภาคต่างๆ ของยูเครนจนกระทั่งช่วงเช้าของวันเสาร์ (5 พ.ย.)
กระสุนปืนใหญ่ราวๆ 40 ลูก ถูกยิงถล่มเมืองนิโคโปล ตลอดทั้งคืน จากการเปิดเผยของ วาเลนทีน เรซนิเชนโก ผู้ว่าการเมืองดนิโปรเปตรอฟส์ก ระบุบนเทเลแกรม พร้อมเผยว่ากองกำลังรัสเซียเล่นงานเมืองแห่งนี้และพื้นที่โดยรอบด้วยปืนใหญ่หนัก ก่อให้เกิดเหตุไฟไหม้ 2 จุด บ้านเรือนและอาคารสาธารณะได้รับความเสียหายหลายสิบหลัง เช่นเดียวกับท่อลำเลียงก๊าซ
กองกำลังรัสเซียยังยิงขีปนาวุธใส่แคว้นซาปอริซเซีย ภูมิภาคทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งรัสเซียผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนโดยไม่ชอบและยังคงยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ จากการเปิดเผยของโอเลกซานด์ร สตารุค ผู้ว่าการแคว้น พร้อมระบุการโจมตีเกิดขึ้นหลังเที่ยงคืนไม่นาน ก่อความเสียหายแก่อาคารธุรกิจ 3 แห่ง และรถยนต์อีกจำนวนหนึ่ง
ในแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งรัสเซียผนวกเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนและยึดครองบางส่วนเช่นกัน มีรายงานว่าเมืองและหมู่บ้าน 8 แห่งถูกโจมตี ในนั้นรวมถึงเมืองบัคช์มุต อัฟดีฟกา และปอร์คอฟสก์
(ที่มา : อัลจาซีราห์)