ราคาน้ำมันขยับลงในวันจันทร์ (31 ต.ค.) จากความคาดหมายกำลังผลิตสหรัฐฯ จะเพิ่มสูงขึ้น ส่วนวอลล์สตรีทและทองคำปิดลบ จับตาที่ประชุมธนาคารกลางอเมริกา (เฟด) ในสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.37 ดอลลาร์ ปิดที่ 86.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 94 เซนต์ ปิดที่ 94.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กำลังผลิตในสหรัฐฯ พุ่งแตะระดับเกือบ 12 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนสิงหาคม สูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ข้อมูลรายเดือนของทางรัฐบาลระบุ
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เตรียมเรียกร้องบริษัทน้ำมันและก๊าซ สละผลกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์บางส่วนของพวกเขา ช่วยลดค่าครองชีพแก่ครอบครัวชาวอเมริกา จากการเปิดเผยของทำเนียบขาว
เจ้าหน้าที่เปิดเผยด้วยว่า ไบเดน จะเรียกร้องให้สภาคองเกรสพิจารณากำหนดให้บริษัทน้ำมันทั้งหลายจ่ายบทลงโทษทางภาษีและเจอข้อจำกัดอื่นๆ หลังจากก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีรายนี้เคยผลักดันให้บรรดาบริษัทน้ำมันปรับเพิ่มกำลังผลิต แทนที่จะนำผลกำไรไปซื้อหุ้นคืนและจ่ายหุ้นปันผล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบพอสมควรในวันจันทร์ (31 ต.ค.) นักลงทุนจับตาที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในช่วงกลางสัปดาห์นี้
ดาวโจนส์ ลดลง 128.85 จุด (0.39 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 32,732.95 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 29.08 จุด (0.75 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,871.98 จุด แนสแดค ลดลง 114.31 จุด (1.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 10,988.15 จุด
ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้รับคาดหมายอย่างกว้างขวางว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในวันพุธ (2 พ.ย.) ในช่วงปิดฉากการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายเป็นเวลา 2 วัน แต่นักลงททุนจะจับตาเงื่อนงำใดๆ ที่เฟดอาจพิจารณาทบทวนลดความรวดเร็วของการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต
ส่วนราคาทองคำในวันจันทร์ (31 ต.ค.) ปิดลบต่อเนื่อง รวมตลอดทั้งเดือนทำสถิติขยับลงเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน ยาวนานที่สุดในรอบ 40 ปี โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 4.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,640.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)