ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเกือบ 3% ในวันพุธ (26 ต.ค.) ได้แรงหนุนจากตัวเลขการส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบ ถูกฉุดจากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ขณะที่ทองคำแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 2.59 ดอลลาร์ ปิดที่ 87.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 2.17 ดอลลาร์ ปิดที่ 95.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ ระบุในวันพุธ (26 ต.ค.) คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดหมายไว้ แต่ถือว่าน้อยกว่าตัวเลขของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งพบว่าสต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 4.5 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันได้แรงหนุนจากข้อมูลที่พบว่าตัวเลขการส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ พุ่งแตะระดับ 5.1 ล้านบาร์เรล สูงสุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้อานิสงส์จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ปัจจัยนี้เองผลักให้ราคาทองคำในวันพุธ (26 ต.ค.) ขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 11.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,669.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันพุธ (26 ต.ค.) ตามหลังรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังจากบรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ และอัลฟาเบ็ท บริษัทแม่ของกูเกิล
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 2.37 จุด (0.01 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 31,839.11 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 228.12 จุด (0.74 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,830.60 จุด แนสแดค ลดลง 228.12 จุด (2.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 10,970.99 จุด
หุ้นของไมโครซอฟท์ และอัลฟาเบ็ทปรับลด 6.0% และ 8.0% ตามลำดับ หลังไมโครซอฟท์ประมาณการผลประกอบการเซื่องซึม และ อัลฟาเบ็ทได้รับผลกระทบจากการถอนโฆษณาทางออนไลน์
ตลาดขานรับในแง่ลบต่อรายงานผลประกอบการดังกล่าว และฉุดให้วอลล์สตรีทปิดลบ โดยเฉพาะดัชนีแนสแดค ที่เต็มไปด้วยบรรดาบริษัทเทคโนโลยี
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)