ราคาน้ำมันร่วงลงเกือบ 2% ในวันจันทร์ (10 ต.ค.) และวอลล์สตรีทปิดลบหนัก ท่ามกลางความกังวลผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่อาจฉุดเศรษฐกิจดำดิ่งสู่ภาวะถดถอย ในขณะที่ทองคำขยับลงแรง แตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.51 ดอลลาร์ ปิดที่ 91.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.73 ดอลลาร์ ปิดที่ 96.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดน้ำมันปรับลด ท่ามกลางความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยและผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจจากความเคลื่อนไหวดังกล่าว
ลาเอล เบรนาร์ด รองประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวว่า เศรษฐกิจเริ่มรับสู้ถึงนโยบายการเงินแบบเข้มงวดมากขึ้น แต่ผลกระทบรุนแรงเต็มกำลังจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง คงต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนถึงจะปรากฏ
ตามหลังความคิดเห็นของ เบรนาร์ด ทาง ชาร์ลส อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก เผยว่ามีความเห็นเป็นเอกฉันท์อย่างหนักแน่นในเฟดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับราวๆ 4.5% ภายในเดือนมีนาคม และคงไว้อยู่ในระดับนั้น
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันจันทร์ (10 ต.ค.) แนสแดค แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2020 นักลงทุนกังวลผลกระทบทางเศรษฐกิจจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง
ดาวโจนส์ ลดลง 93.91 จุด (0.32 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 29,202.88 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 27.27 จุด (0.75 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,612.39 จุด แนสแดค ลดลง 110.30 จุด (1.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 10,542.10 จุด
แม้มีความกังวลมากขึ้นจากบรรดานักเศรษฐศาสตร์และพวกนักวิเคราะห์ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจทำให้คนตกงานมากขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดหลายคนยังสนับสนุนให้ธนาคารกลางแห่งนี้มุ่งเน้นความพยายามไปที่การฉุดเงินเฟ้อให้ลดต่ำ และมองในแง่บวกว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้
อย่างไรก็ตาม เหล่านักลงทุนไม่คิดเช่นนั้น และมันก่อให้เกิดแรงเทขายอย่างหนักในตลาดทุน
ส่วนราคาทองคำแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ในวันจันทร์ (10 ต.ค.) จากการฟื้นตัวของดอลลาร์ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 34.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,675.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)