(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
What Xi really meant in his CPC Congress address
By YU TAO
19/10/2022
จีนจะมีปฏิสัมพันธ์อย่างไรกับโลกในช่วงเวลา 5 ปีต่อจากนี้ไป? คำรายงานของ สี จิ้นผิง ใน “สมัชชาพรรค” เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เสนอร่องรอยเป็นจำนวนมากที่ยึดโยงอยู่กับเรื่องความมั่นคง
การประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ครั้งที่ 20 [1] ซึ่งกำลังดำเนินอยู่ในกรุงปักกิ่งเวลานี้ คือเหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญที่สุดของจีนในรอบระยะเวลาครึ่งทศวรรษ [2]
คล้ายๆ กับการถกเถียงโต้คารมกันของพวกผู้นำก่อนหน้าการลือกตั้งในบรรดาชาติประชาธิปไตยตะวันตก สมัชชาพรรคซึ่งจัดขึ้นมาทุกๆ 5 ปี ก็เป็นการเอื้ออำนวยโอกาสอันมีคุณค่าสำหรับพวกเราในการเรียนรู้ให้มากขึ้นเกี่ยวกับเหล่าผู้นำทางการเมืองของประเทศจีน ตลอดจนนโยบายต่างๆ ของพวกเขา
อย่างไรก็ดี มันไม่น่าที่จะมีการถกเถียงโต้แย้งทางการเมืองอย่างเข้มข้นดุเดือดใดๆ เกิดขึ้นมาระหว่างการประชุมสมัชชาหรอก เนื่องจากการจัดวางทางการเมืองต่างๆ แทบทั้งหมดได้กระทำกันข้างหลังฉากไปก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว [3] กระนั้น คำรายงานของเลขาธิการใหญ่พรรคต่อที่ประชุมสมัชชาพรรค บ่อยครั้งทีเดียวก็เป็นตัวกำหนดอารมณ์ความรู้สึกและบุคลิกลักษณะของสิ่งที่คณะผู้นำจีนจะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้นๆ ในช่วงหลายๆ ปีต่อจากนี้ไป
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (ในฐานะเลขาธิการใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน) ได้กล่าวคำรายงานต่อที่ประชุมสมัชชา เขาใช้เวลากว่า 104 นาที [4] สรุปย่อ “ความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ต่างๆ” ของช่วงทศวรรษแรกแห่งการเป็นผู้นำสูงสุดของจีนของเขา โดยที่เขาได้ขบคิดและใช้ถ้อยคำว่า “การไปสู่ความทันสมัยแบบจีน” (Chinese-style modernization) [5] สี ได้เผยให้เห็นวิสัยทัศน์ของเขาสำหรับประเทศจีนในช่วงเวลา 5 ปีต่อจากนี้และถัดจากนั้นไปอีก เป็นการส่งสัญญาณว่าแดนมังกรจะมีปฏิสัมพันธ์อย่างไรกับโลก
กุญแจสำคัญคือเรื่องความต่อเนื่อง
เมื่อ 5 ปีก่อน ในคำรายงานของ สี ที่กล่าวต่อสมัชชาพรรคครั้งที่แล้ว (สมัชชา 19) ได้บ่งบอกเอาไว้ว่า จีนจะกลายเป็นผู้มีบทบาทในการกำหนดระเบียบระหว่างประเทศอย่างแน่วแน่มากยิ่งขึ้นรายหนึ่ง (a more assertive shaper of international orders) [6]
ถ้อยคำโวหารด้านนโยบายการต่างประเทศจำนวนมากในคำรายงานของปีนี้ มีความคล้ายคลึงหรือกระทั่งเหมือนกับที่ปรากฏอยู่ในคำรายงานปี 2017 ของเขา ทั้งนี้รวมถึงพวกวลีหลักๆ อย่างเช่น “ยืนหยัดพิทักษ์สันติภาพโลก” (upholding world peace), ส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน (promoting common development), และ “การทำงานเพื่อสร้างประชาคมที่เป็นอนาคตร่วมกันสำหรับมนุษยชาติ” (working to build a community with a shared future for humankind) [7]
ความต่อเนื่องที่ปรากฏในถ้อยคำโวหารของ สี เช่นนี้ บ่งบอกให้เห็นว่าจีนไม่น่าที่จะต้อนรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านนโยบายการต่างประเทศอย่างรวดเร็วในอนาคตระยะใกล้ๆ ที่พอมองเห็นได้นี้ ทั้งนี้ การรักษาถ้อยคำโวหารด้านนโยบายการต่างประเทศที่มีการใช้กันอยู่แล้วเช่นนี้ ยังอาจจะเป็นการเลือกสรรอย่างเจตนาก็เป็นได้ เนื่องจากเป็นที่คาดหมายกันอย่างกว้างขวางว่า สี จะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการครองตำแหน่งเป็นผู้นำสูงสุดองจีนเป็นสมัยที่ 3 [8] ดังนั้นนโยบายต่างๆ ของเขาก็น่าที่จะอยู่ต่อไปด้วย
ตามคำกล่าวของ สี จีนจะยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินนโยบายการต่างประเทศแห่งสันติภาพที่เป็นอิสระ” สี ยังให้คำมั่นว่า “จีนจะไม่มีวันแสวงหาทางขึ้นเป็นเจ้าใหญ่นายโตเหนือใครๆ (hegemony) หรือไปเกี่ยวข้องกับการขยายอำนาจ”
อย่างไรก็ตาม สี ย้ำว่า จีนจะไม่มีวันยอมประนีประนอมในประเด็นปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับไต้หวัน ด้วยการใช้คำพูดซึ่งเป็นไปตามกรอบแนวทางของพรรคในเรื่องเกี่ยวกับไต้หวัน ที่มีการประกาศกันเอาไว้อย่างชัดเจนแน่นอนอยู่แล้ว [9] สี เน้นเอาไว้ในคำรายงานของเขาว่า “การแก้ไขประเด็นปัญหาไต้หวันคือธุระของประชาชนจีนเอง และมันขึ้นอยู่กับประชาชนจีนที่จะเป็นผู้ตัดสิน”
สี ส่งเสียงสนับสนุนให้มี “การรวมชาติเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้งอย่างสันติ” ด้วย “ความจริงใจอย่างใหญ่หลวงที่สุดและด้วยความพยายามอย่างถึงที่สุด” แต่เขาก็บอกด้วยว่า จีนจะ “ไม่มีวันให้สัญญาว่าไม่ใช้กำลัง” [10]
ย่อมเป็นการไร้เดียงสาเกินไปถ้าหากจะทึกทักเอาว่า การที่ในถ้อยคำโวหารด้านนโยบายการต่างประเทศของ สี ไม่มีพวกคำรหัสใหม่ๆ ปรากฏให้เห็น คือหมายความว่าจีนจะหวนกลับไปทำตัวเป็น “ผู้ประสบความสำเร็จอย่างเงียบๆ” (quiet achiever) รายหนึ่งในเวทีระหว่างประเทศเหมือนเดิม
ตรงกันข้าม เมื่อพิจารณาจากศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจ การทหาร และเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งทรงพลังของจีนแล้ว ประเทศนี้ได้กลายเป็นผู้มีบทบาทอย่างสำคัญในการกำหนดระเบียบระหว่างประเทศรายหนึ่งไปเรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำ ไม่ว่าจากพฤติการณ์ของพวกนักการทูตชาวจีนในการแสดงตนเป็น “นักรบสุนัขป่า (wolf warriors)” [11] หรือด้วยการวางตัวอย่างเงียบเชียบไม่เอะอะเกรียวกราวก็ตามที
ถึงแม้ไม่ได้แสดงท่าทีเผชิญหน้าท้าทายโดยตรง แต่คำรายงานของ สี ก็ส่งสัญญาณว่า จีนไม่ได้ยึดมั่นอยู่กับ “ระเบียบระหว่างประเทศที่ยึดโยงอยู่กับกฎเกณฑ์ (rules-based international order) [12] ที่สหรัฐฯ และพันธมิตรฝ่ายตะวันตกของสหรัฐฯ ป่าวร้องโฆษณากันอยู่ ตรงกันข้าม ตามคำกล่าวของ สี นั้น จีนจะ “ส่งเสริมสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงเพื่อทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีความเป็นประชาธิปไตย” ขึ้นมา
หนึ่งในวลีด้านนโยบายต่างประเทศใหม่ๆ ที่น่าจับตาเพียงไม่กี่วลีในคำรายงานของ สี ก็คือ ที่บอกว่า จีนจะ “ตัดสินใจเกี่ยวกับจุดยืนและนโยบายของตนในประเด็นปัญหาต่างๆ โดยยึดโยงอยู่กับคุณธรรมของประเด็นปัญหาเหล่านั้นเอง”
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของจีน [13] และเหล่าโฆษกของกระทรวงนี้ [14] ต่างใช้วลีนี้กันอยู่บ่อยๆ เพื่อเป็นเหตุผลความชอบธรรมสำหรับการที่จีนใช้จุดยืน มุ่งหลีกเลี่ยงไม่ประณามรัสเซียในเรื่องการเข้ารุกรานยูเครน
การนำเอาวลีนี้เข้ามาอยู่ในคำรายงานของ สี เป็นการบ่งชี้ว่า จีนน่าที่จะรักษาจุดยืนอันกำกวมของตนเกี่ยวกับสงครามในยูเครน [15] [16] เอาไว้ต่อไป โดยที่จีนจะไม่เห็นตามโลกตะวันตกในการตัดสายสัมพันธ์กับรัสเซีย เวลาเดียวกันจีนก็ไม่แสดงการสนับสนุนอย่างเปิดเผยต่อการปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย
การนำเอาวลีใหม่นี้มาใช้ยังเป็นการทำให้เหล่าผู้วางนโยบายการต่างประเทศของจีนมีช่องทางกว้างขวางมากขึ้นสำหรับการเดินหมากในประเด็นปัญหาอันยุ่งยากซับซ้อนต่างๆ ต่อไปในอนาคต
ความมั่นคงแห่งชาติคือจุดโฟกัสที่สำคัญอย่างยิ่ง
ตามรายงานข่าวของรอยเตอร์ สำนักข่าวแห่งนี้บอกว่าในคำรายงานของ สี ที่เป็นข้อเขียนฉบับเต็ม ซึ่งยังไม่ได้มีการนำออกมาเผยแพร่และมีความยาวกว่าที่เขาพูดในที่ประชุมมากนั้น สี ใช้คำว่า “ความมั่นคง” และ “ความปลอดภัย” รวมแล้ว 89 ครั้ง [17]
เปรียบเทียบกับคำรายงานของ สี เมื่อ 5 ปีก่อน มีการใช้คำ 2 คำนี้มากขึ้นถึงกว่า 60%
ในคำรายงานของ สี ครั้งนี้ มีบทหนึ่งเต็มๆ ซึ่งอุทิศให้แก่เรื่องความมั่นคงแห่งชาติโดยเฉพาะ โดยที่คำรายงานเรียกร้องให้ใช้ “แนวพินิจพิจารณาแบบองค์รวมในเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ” (holistic approach to national security) [18] ซึ่งเกี่ยวพันเชื่อมโยงกับการประสาน “ความมั่นคงทางภายนอกและทางภายใน” ของจีนเข้าด้วยกัน
คำรายงานของเขายังบ่งชี้ให้เห็นว่า จีนจะไม่เพียงเฝ้าระแวดระวังความมั่นคงของตนเองเท่านั้น แต่ยังจะทำงานเพื่อให้เกิด “ความมั่นคงร่วมกัน” ขึ้นมาอีกด้วย โดยที่สำคัญที่สุดก็คือผ่านทาง “แผนการริเริ่มเพื่อความมั่นคงทั่วโลก (Global Security Initiative) [19] ซึ่ง สี เสนอเอาไว้ในเดือนเมษายน 2022 แผนการริเริ่มดังกล่าวนี้ ถึงแม้ยังคงขาดไร้รายละเอียด [20] แต่ก็เน้นย้ำเอาไว้ว่า รัฐใดๆ ก็ตามไม่ควรเดินหน้าสร้างความมั่นคงของตนเองชนิดที่เป็นการสร้างความเสียหายให้แก่ความมั่นคงของรัฐอื่นๆ
เรื่องนี้น่าที่จะกลายเป็นกรอบโครงใหม่ของนโยบายการต่างประเทศของจีน ซึ่งมุ่งแข่งขันประชันกับยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific Strategy) ของสหรัฐฯ [21] ที่จีนเชื่อ [22] ว่ามีจุดมุ่งหมายที่จะปิดล้อมควบคุมจีน รวมทั้งเป็นความพยายามเพื่อทำให้บรรดาประเทศในเอเชีย-แปซิฟิก กลายเป็น “ตัวเบี้ย” ของการวางตัวเป็นเจ้าใหญ่นายโตเหนือใครของสหรัฐฯ
คำรายงานของ สี ยังเน้นอย่างเปิดเผยว่า จีนจะปกป้องคุ้มครอง “สิทธิและผลประโยชน์อันถูกต้องชอบธรรม” ของ “พลเมืองและนิติบุคคลที่อยู่ในต่างแดน” ของตน [23] เมื่อนำเรื่องนี้มาเชื่อมโยงกับการที่คำรายงานนี้ย้ำเรื่องการรักษาความมั่นคงของห่วงโซ่ทางอุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานของจีนแล้ว ก็เป็นที่คาดหมายได้ว่าจีนจะใช้ความพยายามเพิ่มมากขึ้นในการขยายการปกป้องคุ้มครองพวกหน่วยงานและบุคลากรทั้งที่เป็นของรัฐและที่เป็นของเอกชน ซึ่งอยู่เลยออกไปจากพรมแดนทางกายภาพของตน
การมีปฏิสัมพันธ์กันโดยผ่าน “การพัฒนา”
ขณะที่จีนได้รับความเสียหายหนักจากโรคระบาดโควิด-19 เมื่อประมาณช่วงกลางปี 2020 มีผู้สังเกตการณ์จำนวนมากคาดเดา [24] กันว่าจีนจะค่อยๆ ตัดสายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่มีตนมีอยู่กับตลาดภายนอก และแสวงหาทางที่จะพึ่งตนเองทางเศรษฐกิจให้ได้ [25]
อย่างไรก็ตาม คำรายงานของ สี เน้นย้ำว่า จีนจะยังคงเปิดประตูให้กว้างเอาไว้ต่อไป นอกจากนั้นแล้ว เจ้า เฉินซิน (Zhao Chenxin) รองผู้อำนวยการของ คณะกรรมการการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติ (National Development and Reform Commission) ที่เป็นหน่วยงานบริหารจัดการเศรษฐกิจมหภาคของจีน ยังคงออกมาแจกแจงขยายความ โดยระบุอย่างชัดเจนว่า จีนไม่ได้กำลังหาทางทำให้ตนเองกลายเป็นระบบเศรษฐกิจแบบพึ่งตนเอง [26]
ตามคำรายงานของ สี จีนยังมีเจตนารมณ์ที่จะ “สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้แก่โลก จากการพัฒนาของตนเอง” ในขณะที่การมีปฎิสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบมุ่งเน้นการพัฒนาของจีนยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ดังนั้น แผนการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt-and-Road Initiative) [27] จึงจะยังคงเป็นแพลตฟอร์มทางนโยบายอย่างหนึ่งสำหรับความสัมพันธ์กับต่างประเทศของจีน
อี๋ว์ เถา เป็นอาจารย์อาวุโสด้านจีนศึกษา อยู่ที่มหาวิทยาลัยออสเตรเลียตะวันตก (The University of Western Australia)
(ข้อเขียนนี้มาจากเว็บไซต์ เดอะ คอนเวอร์เซชั่น https://theconversation.com/ โดยติดตามอ่านข้อเขียนดั้งเดิมชิ้นนี้ได้ที่ https://theconversation.com/how-will-china-interact-with-the-world-over-the-next-5-years-xis-new-speech-holds-clues-192594)
เชิงอรรถ
[1] https://www.aljazeera.com/news/2022/10/15/what-to-know-about-chinas-20th-communist-party-congress
[2] https://www.neican.org/guide-1-what-is-the-national-party-congress/
[3] https://www.bbc.com/news/world-asia-china-63210545
[4] https://www.theguardian.com/world/2022/oct/16/xi-jinping-vision-china-next-five-years-key-takeaways-from-speech
[5] https://www.aap.com.au/aapreleases/cision20221017ae05062/
[6] https://thediplomat.com/2017/11/get-ready-for-an-even-more-assertive-china/
[7]https://www.tandfonline.com/doi/abs/10.1080/10670564.2021.1926091?journalCode=cjcc20
[8] https://www.japantimes.co.jp/news/2022/10/14/asia-pacific/xi-third-term/
[9] https://www.brookings.edu/on-the-record/understanding-beijings-motives-regarding-taiwan-and-americas-role/
[10] https://www.theguardian.com/world/2022/oct/16/xi-jinping-speech-opens-china-communist-party-congress
[11] https://theconversation.com/behind-chinas-newly-aggressive-diplomacy-wolf-warriors-ready-to-fight-back-139028
[12] https://www.lowyinstitute.org/the-interpreter/what-does-rules-based-order-mean
[13] https://www.fmprc.gov.cn/eng/zxxx_662805/202203/t20220306_10648426.html
[14]https://www.fmprc.gov.cn/mfa_eng/xwfw_665399/s2510_665401/202202/t20220228_10646378.html
[15] https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-09-24/zelenskiy-says-china-s-position-on-russian-invasion-ambiguous#xj4y7vzkg
[16] https://www.wilsoncenter.org/blog-post/chinas-strategic-calculations-russia-ukraine-war
[17] https://www.reuters.com/world/china/chinas-xi-open-20th-communist-party-congress-2022-10-15/
[18] https://english.news.cn/20221016/fa268ecece4246a6bd9a35aa6a3c5c27/c.html
[19]https://www.fmprc.gov.cn/mfa_eng/wjb_663304/zwjg_665342/zwbd_665378/202205/t20220519_10689356.html
[20] https://thediplomat.com/2022/06/will-chinas-global-security-initiative-catch-on/
[21] https://www.whitehouse.gov/briefing-room/speeches-remarks/2022/02/11/fact-sheet-indo-pacific-strategy-of-the-united-states/
[22] https://www.fmprc.gov.cn/eng/zxxx_662805/202205/t20220523_10691136.html
[23] https://www-takungpao-com.translate.goog/news/232108/2022/1016/776050.html?_x_tr_sch=http&_x_tr_sl=auto&_x_tr_tl=en&_x_tr_hl=en&_x_tr_pto=wapp
[24] https://www.emerald.com/insight/content/doi/10.1108/RAMJ-03-2021-0016/full/html
[25] https://www.scmp.com/economy/china-economy/article/3110184/what-chinas-dual-circulation-economic-strategy-and-why-it
[26] https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-10-17/china-wants-to-be-part-of-global-economy-despite-domestic-focus
[27] https://www.lowyinstitute.org/publications/understanding-china-s-belt-road-initiative