ไม่ไกลจากสนามบินเท็มเพิลโฮฟของกรุงเบอร์ลิน นายปีเตอร์ เอ็นเกลค์ กำลังจัดนำแนวประตูรักษาความปลอดภัยใหม่ที่โกดังของเขา สืบเนื่องจากความกังวลว่าผู้คนจะพากันมาขโมยของในโกดังของเขา สินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดในเวลานี้ นั่นก็คือ "ฟืน"
พฤติกรรมของ เอ็นเกลค์ สะท้อนถึงความกังวลที่มีมากขึ้นทั่วยุโรป ในขณะที่ทวีปแห่งนี้กำลังเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตขาดแคลนพลังงาน และความเป็นไปได้ที่จะเจอไฟดับเป็นวงกว้างในช่วงฤดูหนาวที่กำลังมาเยือน
เหตุรั่วไหลหลายจุดในท่อลำเลียงก๊าซนอร์ดสตรีม ซึ่งเชื่อกันว่าน่าจะเป็นการลอบก่อวินาศกรรม คือสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่าทวีปแห่งนี้กำลังอยู่ในจุดวิกฤต ท่ามกลางความเคลื่อนไหวตัดอุปทานของรัสเซีย ตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกที่กำหนดเล่นงานมอสโก กรณีรุกรานยูเครน
ในที่ประชุมซัมมิตหนึ่งในกรุงปราก เมื่อวันศุกร์ (7 ต.ค.) บรรดาผู้นำสหภาพยุโรปยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการกำหนดเพดานราคาก๊าซรัสเซีย ท่ามกลางความกังวลว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจคุกคามอุปทานที่ป้อนสู่ภูมิภาค ทั้งนี้ มากกว่า 70% ของการทำความร้อนในยุโรป มาจากแหล่งพลังงานก๊าซธรรมชาติและไฟฟ้า และด้วยที่การส่งมอบจากรัสเซียลดลงอย่างมาก ฟืนจึงกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนเสาะแสวงหามากที่สุดรองจากสินค้าโภคภัณฑ์ ในขณะที่ที่ผ่านมา มีประชาชนใช้ฟืนสำหรับทำความร้อนอยู่ก่อนแล้วราวๆ 40 ล้านคน
ราคาสำหรับเชื้อเพลิงไม้อัดแท่งเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเป็น 600 ยูโรต่อตันในฝรั่งเศส (ราว 22,000 บาท) และมีสัญญาณแห่งการแห่ซื้อฟืน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงพื้นฐานที่สุดของโลก ด้วยความตื่นตระหนก ฮังการีถึงขั้นแบนการส่งออกเชื้อเพลิงไม้อัดแท่ง ส่วนโรมาเนียสั่งควบคุมราคาฟืนเป็นเวลา 6 เดือน ขณะที่เวลานี้เตาเผาผลิตไม่ทัน ต้องใช้เวลานานหลายเดือนถึงสามารถส่งมอบได้
นอกเหนือจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลนแล้ว วิกฤตพลังงานยังเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ค่าครองชีพพุ่งทะยานตามไปด้วย โดยเวลานี้อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนแตะระดับเลข 2 หลักเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในเดือนกันยายน ครัวเรือนจำนวนมากทั่วทวีปแห่งนี้ต้องเผชิญหน้ากับการที่ต้องเลือกระหว่างบิลค่าทำความร้อนกับค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆ
"มันย้อนสู่วันเก่าๆ ครั้งที่ผู้คนจะไม่สามารถทำความร้อนแก่ที่พักอาศัยได้" นิค เชลล์ กรรมการผู้จัดการบริษัท Certainly Wood ผู้ค้าส่งฟืนแห่งสหราชอาณาจักรกล่าว "พวกเขาจะต้องนั่งอยู่รอบกองไฟ และใช้ความร้อนจากเตา หรือจุดไฟแล้วไปนอน จะมีคนทำแบบนี้มากมายในฤดูหนาวปีนี้"
สำหรับชาวยุโรปจำนวนมาก ความกังวลหลักของพวกเขาคือจะสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตนเองในช่วงระหว่างฤดูหนาวนานหลายเดือน และความวิตกเริ่มหนักหน่วงขึ้นเนื่องจากลมหนาวใกล้มาเยือนแล้ว นอกจากนี้ การตะเกียกตะกายหาความร้อน ยังอาจก่อปัญหาด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมตามมาอีกด้วย
"เรามีความกังวลว่าผู้คนจะเผาอะไรก็ตามที่พวกเขาสามารถหยิบหามาได้" โรเจอร์ เซดิน หัวหน้าแผนกคุณภาพอากาศแห่งสำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมสวีเดน กล่าวเตือนเกี่ยวกับระบบถ่ายเทอากาศที่ไม่ดีนักและความพยายามเผาฟืนที่เปียก "เราอาจได้เห็นมลพิษในระดับสูงมาก เมื่อคุณมีผู้คนที่กำลังเผาฟืน ที่ไม่รู้ว่าที่ถูกต้องนั้นควรทำอย่างไร"
เขากล่าวต่อว่า "ประเด็นนี้อาจนำมาซึ่งปัญหาในปอดและก่อให้เกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองและโรคหอบหืด" พร้อมระบุมีความเสี่ยงโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้คนในตัวเมือง "พวกคุณจำเป็นต้องคำนึงถึงเพื่อนบ้านของพวกคุณด้วย"
การขาดแคลนประสบการณ์สามารถพบเห็นได้ในเยอรมนีเช่นกัน โดยทางสมาคมทำความสะอาดปล่องไฟของประเทศ ต้องรับมือกับกระแสคำขอให้ไปเชื่อมต่อเตาใหม่กับเตาเก่าล้นทะลัก นอกจากนี้ ยังมีลูกค้าอีกมากมายสอบถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเผามูลม้าและเชื้อเพลิงคลุมเครืออื่นๆ
พบเห็นสัญญาณการกักตุนฟืนในฝรั่งเศสเช่นกัน โดย เฟรเดอริก คอยเรียร์ ซีอีโอของ Poujoulat SA ซึ่งผลิตปล่องควันและเชื้อเพลิงฟืน เผยว่าลูกค้าบางส่วนสั่งซื้อเชื้อเพลิงไม้อัดแท่งถึง 2 ตัน ทั้งที่ปกติแล้วในแต่ละปี ครอบครัวหนึ่งจะสั่งซื้อเชื้อเพลิงไม่อัดแท่งไม่ถึง 1 ตันด้วยซ้ำ
"ประชาชนกำลังดิ้นรนหาฟืน พวกเขาซื้อมากกว่าปกติ" ทรอนด์ ฟอร์ทอฟต์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Kortreist Ved ผู้ค้าแม้ในนอร์เวย์กล่าว "ปกติแล้ว มันจะเกิดขึ้นในช่วงเริ่มเข้าสู่ฤดููหนาว แต่ในปีนี้มันเริ่มมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ในช่วงเวลาที่รัสเซียตัดลดอุปทานก๊าซ"
ในเบอร์ลิน วิกฤตครั้งนี้ย้อนให้นึกถึงความสิ้นหวังตามหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัญหาขาดแคลนอุปทานเชื้อเพลิง ทำให้ชาวบ้านพากันตัดต้นไม้เกือบทุกต้นในสวนสาธารณะเทียร์การเด้น เพื่อทำความร้อน
แม้ว่าในเวลานี้ ชาวเบอร์ลินไม่ได้กำลังเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายเช่นนั้น แต่มีความกังวลอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการมอบความอบอุ่นแก่ตนเองในฤดูหนาวที่กำลังมาเยือน โดย เอ็นเกลค์ ไม่ได้แค่จัดทำประตูรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษเพื่อปกป้องฟืน ถ่านหินและน้ำมันทำความร้อนเท่านั้น เขายังจำเป็นต้องหยุดรับออเดอร์ลูกค้าใหม่ด้วย "เรามองไปข้างหน้าถึงฤดูหนาวที่กำลังมาเยือน ด้วยความกังวลใหญ่หลวง"
(ที่มา : บลูมเบิร์ก)
