อินโดนีเซียจัดตั้งคณะทำงานอิสระในวันจันทร์ (3 ต.ค.) เพื่อสอบสวนกรณีแฟนบอลเหยียบกันตาย 125 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเด็ก 32 คนเมื่อคืนวันเสาร์ (1) ขณะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของแดนอิเหนาตั้งคำถามเกี่ยวกับการที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาในสนามกีฬา ซึ่งขัดกฎระเบียบด้านความปลอดภัยของฟีฟ่า ล่าสุดผู้บังคับการตำรวจเมืองเกิดเหตุถูกสั่งย้ายแล้ว
บรรดาผู้ชมที่อยู่ในอาการแตกตื่นหวาดกลัว เบียดเสียดและเหยียบกันตายขณะพยายามหลบหนีออกจากสนามกีฬาที่แออัดยัดเยียดเกินความจุ ในเมืองมาลัง จังหวัดชวาตะวันออก หลังจากตำรวจยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายกลุ่มแฟนบอลซึ่งกรูกันลงไปที่สนามหลังทีมรักแพ้คาบ้านในการแข่งขันฟุตบอลบีอาร์ไอ ลีกา 1 ที่เป็นลีกสูงสุดของอินโดนีเซีย
นาฮาร์ เจ้าหน้าที่กระทรวงส่งเสริมสตรีและการคุ้มครองเด็ก เผยว่า ผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 32 คนเป็นเด็กอายุ 3-17 ปี จากก่อนหน้านี้ที่ทางการระบุว่า มีเด็กเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ 17 คน ขณะเดียวกับ ทางการอินโดนีเซียได้ปรับลดตัวเลขจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดจาก 174 คนซึ่งให้ไว้ในวันอาทิตย์ โดยเวลานี้แถลงว่ามีจำนวนอย่างน้อยที่สุด 125 คน และบาดเจ็บ 323 คน
ทางด้าน มาห์ฟุด เอ็มดี รัฐมนตรีอาวุโสผู้ดูแลฝ่ายความมั่นคงของอินโดนีเซีย แถลงว่า รัฐบาลได้จัดตั้งทีมค้นหาความจริงอิสระซึ่งประกอบด้วยนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬา และเจ้าหน้าที่รัฐบาล เพื่อสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยจะทำการสอบสวนในช่วง 2-3 สัปดาห์หน้าภายใต้เป้าหมายในการหาตัวผู้รับผิดชอบโศกนาฏกรรมครั้งนี้
เวลาเดียวกัน รัฐบาลจะให้เงินชดเชยแก่ครอบครัวของเหยื่อผู้เสียชีวิตทุกรายๆ ละ 50 ล้านรูเปียะห์ (ราว 124,000 บาท) ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บจะได้รับการบำบัดรักษาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย รัฐมนตรีอาวุโสผู้นี้บอก
“เราขอให้ (ตำรวจ) เปิดเผยว่าใครเป็นผู้กระทำอาชญากรรมเหล่านี้ และลงมือนำพวกเขามาลงโทษ แงะเรายังหวังว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะประเมินทบทวนกระบวนวิธีในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของพวกเขา” มาร์ฟุด กล่าวในคำแถลง
ปรากฏว่าในเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติของแดนอิเหนาก็ได้สั่งปลดย้ายผู้กำกับการตำรวจเมืองมาลัง ขณะเดียวกัน เดดี ปราเซตโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวในการแถลงข่าวว่า ทางตำรวจจังหวัดชวาตะวันออก ยังได้สั่งพักงานตำรวจ 9 คนตามคำแนะนำของตำรวจแห่งชาติ และตำรวจอีก 28 คนถูกสอบสวน
มีรายงานว่า ขณะนี้ มีนายตำรวจและเจ้าหน้าที่กีฬาถูกจัดส่งไปยังเมืองมาลัง เพื่อสอบสวนเหตุการณ์คราวนี้ ซึ่งกลายเป็นกรณีความหายนะในสนามกีฬาครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของโลกไปเรียบร้อยแล้ว ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ได้ออกคำสั่งให้สมาคมฟุตบอลแห่งอินโดนีเซียระงับแมตช์การแข่งขันของลีกลีกา 1 ทั้งหมด จนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสมบูรณ์
สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ซึ่งเป็นองค์การควบคุมดูแลกีฬาฟุตบอลทั่วโลก ระบุไว้ในกฎระเบียบด้านความปลอดภัยของสหพันธ์ว่า ไม่ควรใช้อาวุธปืนหรือ “แก๊สควบคุมฝูงชน” ในระหว่างแมตช์การแข่งขัน
ค็อยรุล อานัม สมาชิกของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของอินโดนีเซีย กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ถ้าไม่มีการยิงแก๊สน้ำตา เหตุการณ์อาจไม่สับสนอลหม่านอย่างที่เกิดขึ้นมา
เมื่อเปรียบเทียบกับเหตุการณ์หายนะที่สนามแข่งขันฟุตบอลครั้งอื่นๆ ของโลกที่ผ่านมา กรณีซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่านี้ คือในปี 1964 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 328 คน และบาดเจ็บกว่า 1,000 คนในการแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิกรอบคัดเลือกระหว่างทีมชาติเปรูกับอาร์เจนตินา ที่สนามกีฬาแห่งชาติในกรุงลิมาของเปรู
สำหรับความหายนะในคราวอื่นๆ นั้น เมื่อปี 1989 แฟนบอลลิเวอร์พูลเสียชีวิต 97 คนที่สนามกีฬาฮิลส์โบโรห์ของอังกฤษ ส่วนในปี 2012 มีผู้เสียชีวิต 74 คนที่สนามพอร์ต ซาอิดในอียิปต์
พฤติกรรมของการใช้ความรุนแรงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในการแข่งขันฟุตบอลของอินโดนีเซียมาช้านาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ เช่น จาการ์ตา แต่หายนะระดับที่เกิดในวันเสาร์ในเมืองมาลัง สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ชุมชนท้องถิ่นอย่างมาก
หนังสือพิมพ์โกรัน เทมโปฉบับวันจันทร์ลงภาพหน้าหนึ่งเป็นสีดำสนิท ตรงกลางเป็นตัวอักษรสีแดงเขียนว่า “โศกนาฏกรรมวงการฟุตบอลของเรา” พร้อมรายชื่อผู้เสียชีวิต
ในวันเกิดเหตุ อารีมาที่เป็นทีมเหย้าแพ้ให้ทีมเปอร์เซบายา สุราบายา 2-3 เจ้าหน้าที่เผยว่า ไม่มีการขายตั๋วให้แฟนบอลเปอร์เซบายาเนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย
อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีอาวุโสมาห์ฟุด ระบุเมื่อวันอาทิตย์ว่า มีผู้ชมในสนามกีฬาเกินความจุ โดยมีการขายตั๋วถึง 42,000 ใบ ทั้งที่สนามรองรับได้เพียง 38,000 คน
ด้าน กิลัง วิดยา ประธานสโมสรอารีมา แถลงขอโทษเมื่อวันจันทร์ พร้อมประกาศว่า จะรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่
สำหรับฟีฟ่าที่กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า เป็นวันที่มืดมิดสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลทุกคน และเป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่อาจเปรียบเทียบกับอะไรได้
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี)
