ศาลสูงสุดสหรัฐฯ มีคำตัดสินชี้ขาดวานนี้ (23 มิ.ย.) ว่าชาวอเมริกันมีสิทธิขั้นพื้นฐานที่จะพกปืนในที่สาธารณะเพื่อป้องกันตนเอง นับเป็นคำพิพากษาประวัติศาสตร์ที่คาดว่าจะส่งผลต่อนโยบายของรัฐ และเมืองต่างๆ ในการที่จะป้องปรามเหตุกราดยิงซึ่งเกิดขึ้นแล้วเป็นร้อยๆ ครั้งในปีนี้
คณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดลงความเห็น 6 ต่อ 3 เสียงยกเลิกกฎหมายของรัฐนิวยอร์กที่ใช้มานานกว่า 100 ปี ซึ่งกำหนดให้บุคคลต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีเหตุอันควรตามกฎหมายที่จะต้องป้องกันตนเอง ก่อนจะได้รับใบอนุญาตพกปืนออกนอกบ้าน
อีก 5 รัฐในอเมริกา ซึ่งรวมถึงแคลิฟอร์เนียและกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ก็มีกฎหมายลักษณะเดียวกันนี้ เพื่อจำกัดไม่ให้ผู้คนพกพาปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ออกมาแสดงความผิดหวังต่อคำพิพากษาของศาลสูงสุดในครั้งนี้ โดยระบุว่า มัน “ขัดแย้งกับสามัญสำนึกและรัฐธรรมนูญ และถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับทุกคน”
“เราในฐานะที่เป็นสังคมควรจะต้องทำมากยิ่งกว่านี้ --- ไม่ใช่น้อยลง --- ในการปกป้องชีวิตชาวอเมริกัน” ไบเดน กล่าว “ผมขอเรียกร้องให้คนเอเมริกันทั่วประเทศออกมาแสดงจุดยืนของท่านเกี่ยวกับความปลอดภัยอาวุธปืน”
แม้เหตุกราดยิงร้ายแรงที่เกิดขึ้นถึง 2 ครั้งในเดือน พ.ค. จะปลุกกระแสเรียกร้องการควบคุมอาวุธปืน ทว่าศาลสูงสุดกลับมีความเห็นเข้าข้างฝ่ายโจทก์ที่อ้างว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญอเมริการับรองสิทธิของพลเมืองในการที่จะครอบครองและพกพาปืน
คำตัดสินนี้ยังถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่สำหรับสมาคมไรเฟิลแก่งชาติ (National Rifle Association - NRA) กลุ่มล็อบบี้ยิสต์ด้านอาวุธปืนที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลร่วมกับชายชาวนิวยอร์กอีก 2 คนที่ถูกปฏิเสธใบอนุญาตพกปืน
“คำพิพากษาของศาลในวันนี้คือชัยชนะสำหรับเหล่าชายหญิงที่ดีทั่วอเมริกา และเป็นผลมาจากการต่อสู้นานหลายสิบปีของ NRA” เวย์น ลาปิแอร์ รองประธานบริหารของ NRA ระบุในคำแถลง
“สิทธิในการปกป้องตนเอง ปกป้องครอบครัวและคนที่คุณรัก ไม่ควรถูกจำกัดอยู่แค่ในบ้านเท่านั้น”
คำพิพากษาครั้งนี้ยังนับเป็นการตีความบทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 2 ของสหรัฐอเมริกา (Second Amendment) ครั้งสำคัญ หลังจากที่ศาลสูงสุดเคยมีคำตัดสินเมื่อปี 2008 ว่าชาวอเมริกันมีสิทธิที่จะครอบครองปืนที่บ้านเพื่อป้องกันตนเอง
เคธี โฮชุล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก วิจารณ์คำตัดสินของศาลว่าเป็น “วันแห่งความมืดมน” พร้อมยืนกรานจะผลักดันกฎหมายควบคุมอาวุธปืนให้สำเร็จ
“มันเป็นเรื่องเลวร้ายที่ในห้วงเวลาซึ่งกำลังมีการทบทวนเรื่องความรุนแรงจากอาวุธปืนในระดับชาติ แต่ศาลสูงสุดกลับคว่ำกฎหมายของรัฐนิวยอร์กที่จำกัดจำนวนผู้ที่จะสามารถพกปืนได้” โฮชุล กล่าว
ด้าน เกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ก็ตำหนิคำวินิจฉัยของศาลว่าเป็นเรื่อง “น่าละอาย”
ผู้พิพากษา แคลเรนซ์ โทมัส และผู้พิพากษาสายอนุรักษนิยมอีก 5 คน ซึ่งในจำนวนนี้ 3 คนถูกแต่งตั้งโดยอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ร่วมกันลงความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ประชาชนผู้เคารพกฎหมายและมีความจำเป็นทั่วๆ ไปในการป้องกันตนเองย่อมมีสิทธิตาม Second Amendment ในการที่จะพกปืนในที่สาธารณะ ดังนั้น กฎหมายของรัฐนิวยอร์กซึ่งบังคับให้ต้องมีการ “ขอใบอนุญาต” จึงเป็นสิ่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
หลังจากที่ศาลสูงสุดมีคำตัดสินเพียงไม่กี่ชั่วโมง วุฒิสภาสหรัฐฯ ก็ได้ผ่านร่างกฎหมายควบคุมอาวุธปืนแห่งชาติฉบับแรกในรอบ 30 ปี ด้วยคะแนน 65 ต่อ 33 เสียง โดยสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ก็คือการกำหนดให้ตรวจสอบประวัติผู้ซื้อปืนว่าเคยกระทำความรุนแรงในครอบครัว หรือก่ออาชญากรรมร้ายแรงในขณะที่เป็นเยาวชนหรือไม่
แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต ออกมาแถลงชื่นชมการผ่านร่างกฎหมายโดยวุฒิสภา และเตรียมนำร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ (24) ซึ่งคาดว่าจะผ่านฉลุย ก่อนจะถูกส่งไปให้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ลงนามเป็นขั้นตอนสุดท้าย
สหรัฐอเมริกามีเหตุกราดยิงเกิดขึ้นแล้วมากกว่า 250 ครั้งในปีนี้ และผลสำรวจความคิดเห็นพบว่า คนอเมริกันส่วนใหญ่สนับสนุนให้รัฐออกข้อจำกัดในการพกปืน
กระแสเรียกร้องดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นหลังเกิดเหตุคนร้ายบุกเข้าไปกราดยิงโรงเรียนประถมในเมืองยูวัลดี รัฐเทกซัส รวมถึงเหตุกราดยิงซูเปอร์มาร์เกตในเมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก เมื่อเดือน พ.ค.
ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี